MGR Online - โฆษก ปปง. แจงยึดอายัดทรัพย์สินผู้บริหารหุ้นสตาร์ค ลอตแรก 349 ล้านบาท เตรียมพิจารณาอายัดทรัพย์เพิ่มเติม พร้อมขยายผลผู้รับฟอกเงิน
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. พร้อม นายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมายและโฆษก ปปง. และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงผลการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว คดี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (หุ้น STARK) จำนวน 16 รายการ (เงินสด เงินในบัญชีธนาคาร หลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 349 ล้านบาท
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ เร่งรัดให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีหุ้นสตาร์คอย่างต่อเนื่อง โดยได้สอบปากคำพยานบุคคลไปแล้วกว่า 160 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง 11 ราย เป็นบุคคลธรรมดา 6 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตตบแต่งบัญชี งบการเงิน และแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงประชาชน นิติบุคคล 5 ราย ออกหมายจับเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นระดับผู้บริหาร คาดว่า หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว จะเร่งรัดสรุปสำนวนการสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า จากนี้ดีเอสไอจะเรียกผู้สอบบัญชี 1 ราย เข้ามาให้ปากคำเพื่อตรวจสอบว่าดำเนินการบกพร่องตามหลักวิชาชีพ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายดังกล่าวขึ้นหรือไม่ ส่วน นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญนั้นได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธทั้งหมดและยังไม่ได้มีการยึดอายัดทรัพย์ และขอส่งเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหา นอกจากนี้ อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทเครือข่ายที่มีพฤติการณ์รับโอนทรัพย์สินหรือกลุ่มที่รับเงิน นำมาหมุนเวียนชำระหนี้รวมประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และบางส่วนยังทุจริตโอนเข้าเงินส่วนตัว โดยแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่ง
ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ปปง. ยึดอายัดทรัพย์สินลอตแรก มูลค่า 349 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของผู้บริหาร ลูก เลขาฯ และผู้รับธุรกรรมบางส่วน หลังจากนี้ จะทำการคัดแยกทรัพย์สินดังกล่าวได้มาจากการกระทำความผิดหรือตระเตรียมไว้เพื่อการกระทำความผิดหรือไม่ และจะเปิดโอกาสให้ชี้แจงภายใน 90 วัน รวมถึง ยังมีทรัพย์สินจาก ก.ล.ต. ได้อายัดทรัพย์ไว้จำนวนหนึ่งนับเป็นลอตสอง เตรียมนำมาพิจารณาว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดหรือเตรียมใช้เพื่อกระทำความผิดหรือไม่ อาจมีความสลับซับซ้อน มีการจำหน่ายจ่ายโอนไปหลายทอด จึงต้องมีการคัดกรองทรัพย์สิน
“นอกจากนี้ ทาง ปปง.จะสืบสวนขยายผลการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หากมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือถ่ายโอนทรัพย์สิน หรือมีเจตนาที่จะปกปิดทรัพย์สิน จะแจ้งข้อกล่าวหา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานฟอกเงินต่อไป”
ส่วนทาง นายวีระพัฒน์ ปริยวงศ์ ที่ปรึกษากฎหมายและผู้ประสานงานกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค กล่าวว่า หลังจากนี้ กลุ่มผู้เสียหายจะดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อกลุ่มผู้เสียหาย และรู้สึกสบายใจที่นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐให้สำคัญกับคดีนี้ และทางกลุ่มจะมีการแถลงผลดำเนินงานที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในวันที่ 24 พ.ย. เวลา 13.00 น.