ตำรวจป่าไม้สกัดจับขบวนการลักลอบค้าเกล็ดตัวลิ่นข้ามชาติ ยึดของกลางน้ำหนัก 1.4 ตัน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เผยเป็นการจับครั้งใหญ่สุดในรอบ 10 ปี
วันนี้ (17 ส.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก 5 บก.ปทส. และ พ.ต.อ.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา ผกก.6 บก.ปทส. แถลงผลจับกุมขบวนการลักลอบขนเกล็ดตัวลิ่นข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหาได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายธนากร คล้ายสูงเนิน อายุ 34 ปี และ นายรุ่ง สมภักดี อายุ 50 ปี พร้อมของกลางเกล็ดตัวลิ่นน้ำหนักรวมกว่า 1,400 กิโลกรัม รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน รวมมูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท ได้ในพื้นที่ ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
พ.ต.อ.อริยพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบมีขบวนการลักลอบขนเกล็ดตัวลิ่น หรือตัวนิ่ม ลอตใหญ่จากพื้นที่ภาคใต้ไปยังชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยใช้รถบรรทุกเป็นยานพาหนะ จึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจทางหลวงเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ กระทั่งเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้พบรถต้องสงสัยขับผ่านมาบริเวณทางหลวงหมายเลข 2046 ช่วงกิโลเมตรที่ 50 ถึง 51 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีรถนำขบวนคอยขับดูลาดเลา เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตามก่อนส่งสัญญาณขอเข้าตรวจสอบ ก่อนพบภายในรถมีเกล็ดตัวลิ่นบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยจำนวน 42 ถุง น้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม โดยมีการวางเกล็ดตัวลิ่นไว้ที่ชั้นล่างส่วนบริเวณชั้นบนจะวางกระสอบดินทางการเกษตรทับอำพรางไว้ จึงควบคุมตัว นายธนากร และ นายรุ่ง คนขับ พร้อมตรวจยึดเกล็ดตัวลิ่นทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
ด้าน พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ ทั้งสองยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ไปรับสินค้ามาจากบริเวณริมถนนใน จ.ราชบุรี แล้วนำไปส่งให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้างซึ่งจะรอรับอยู่ที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งตำรวจทางหลวงมีข้อมูลของกลุ่มขบวนการเดิมที่เคยทำการสืบสวนสอบสวนไว้ในระดับหนึ่งโดยจะนำข้อมูลจากพยานหลักฐานที่ได้ไปตรวจสอบว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มเครือข่ายเดิมหรือไม่ เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวได้ทำการชำแหละและถอดเกล็ดจากประเทศแถบภาคใต้ และขนส่งเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศทางตอนเหนือของไทย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองราย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ก่อนส่งตัวพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปทส. ดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สำหรับการประเมินมูลค่าเกล็ดตัวลิ่นของกลางที่สามารถตรวจยึดได้ หากสามารถส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ราคาจะสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เบื้องต้นราคาในตลาดมืดขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 40,000 บาท โดยเกล็ดตัวลิ่นเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทยเป็นสัตว์ป่าในบัญชีที่ 1 ตามอนุสัญญาไซเตส โดยประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ที่ลงนามรับรองในอนุสัญญานี้ ซึ่งข้อมูลตามสภาพแวดล้อมพบว่า ตัวลิ่นหรือตัวนิ่มพันธุ์มลายูเป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 ที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาดังกล่าว คือ ห้ามส่งออก นำเข้าหรือครอบครอง เว้นแต่เป็นกรณีของการศึกษาวิจัย โดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพบว่าเกล็ดตัวลิ่นที่พบน่าจะถูกฆ่าเพื่อให้ได้เกล็ดในล็อตนี้ประมาณ 3,000-4,000 ตัว โดยเกล็ด 1 กิโลกรัมจะเท่ากับลิ่นตัวโตเต็มวัย 3 ตัว เพื่อนำเอาเนื้อไปทำอาหาร ส่วนเกล็ดตัวลิ่น มีลักษณะทางกายภาพเป็นเคราติน คล้ายเล็บหรือผมของคน สำหรับตัวลิ่นเกล็ดของมันเป็นเหมือนเกราะป้องกันชั้นดี ตำราแพทย์จีนดั้งเดิมเชื่อว่าสามารถรักษาอาการเมาค้างและโรคตับ รวมถึงช่วยให้แม่ที่เพิ่งมีบุตรให้นมง่าย แม้ว่าการทดลองตามแพทย์แผนปัจจุบันที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีสรรพคุณต่อสุขภาพอย่างไร
รอง ผบก.ปทส.กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลการข่าวของกรมอุทยาน พบว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 การขนส่งและความต้องการตัวลิ่นลดน้อยลง แต่ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นจึงเกิดการลักลอบขนส่งลอตใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการลักลอบขนส่งแบบยังมีชีวิตหรือการชำแหละเอาเนื้อหรือเกล็ดเพียงอย่างเดียว