ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง “เสธ.ไก่อู” ฟ้อง นสพ.ผู้จัดการ เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ปมลงข่าว ทุบโต๊ะ ไม่ให้ช่อง 11 กรมประชาฯ ถ่ายทอดสดงานรัฐบาล ชี้ วิจารณ์การบริหารงานของหน่วยงานรัฐ โดยสุจริตและเป็นธรรม
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (13 ก.ค.) ศาลนัดคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.2302/2561 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายอาญา 7 เป็นโจทก์ และ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องบริษัท ผู้จัดการ 360 จำกัด, นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บก.นสพ.ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาทด้วย ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2560 จำเลยที่ 1-2 กับผู้ใช้นามปากกา “ช.ชฎา” ได้ร่วมกันหมิ่นประมาท พล.ท.สรรเสริญ ผู้เสียหาย ซึ่งดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ โดยร่วมกันเขียนและพิมพ์ข่าวลงในบทความหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับลงวันที่ 20 พ.ย.2560 ในคอลัมน์ “ข่าวปนคน คนปนข่าว” ทำนองว่า โฆษกขวัญใจมหาชน “อธิบดีไก่อู” ทุบโต๊ะห้ามช่อง 11 กรมประชาฯ ถ่ายทอดสดงานรัฐบาล จงใจให้เจ๊งรายได้หด เพื่อจะได้ของบประมาณจากรัฐบาลมาสนับสนุน และข้อความอื่น เป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่สาม และประชาชนทั่วไป ว่า ผู้เสียหายเป็นบุคคลไม่ดี โดยบริหารให้กรมประชาสัมพันธ์ขาดทุน ส่งผลให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังและไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและเป็นธรรม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายด้วย
เหตุเกิดที่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.และทั่วราชอาณาจักร
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2562 ว่า นายสุรวิชช์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 และให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม ให้จำเลยที่ 2 ทำลายหนังสือพิมพ์ฉบับ 20 พ.ย. 2560 ให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ และผู้จัดการรายวัน 360 องศา ติดต่อกันฉบับละ7 วัน โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 2 หากจำเลยที่ 2 ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวให้โจทก์ร่วมเป็นผู้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นหรือฉบับอื่นแทนจำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าโฆษณาทั้งหมด ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนแพ่งแทนโจทก์ร่วม ส่วนบริษัท ผู้จัดการ 360 องศา จำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 แก้เป็นว่า ให้นายสุรวิชช์ จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม ให้คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดที่โจทก์ร่วมชำระแก่โจทก์ร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะที่จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา
โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ นายสุรวิชช์ จำเลยที่ 2 พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษากันแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่
เห็นว่า ข้อความที่หมิ่นประมาทผู้อื่นหรือไม่ ต้องพิจารณาจากความรู้สึกของวิญญูชนทั่วไป ว่า ข้อความนั้นทำให้ผู้ถูกหมิ่นประมาทน่าจะเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังหรือไม่ มิใช่พิจารณาจากความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทแต่เพียงฝ่ายเดียว
ซึ่งข้อความที่ผู้เขียนบทความเขียนขึ้นนั้น มาจากการรับฟังข่าวสารจากผู้อื่น โดยผู้เขียนบทความไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงข้อความจึงมีลักษณะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานในกรมประชาสัมพันธ์ของโจทก์ร่วม เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและติชม ด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่สะท้อนข้อเท็จจริงในหน่วยงานของรัฐให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อประโยชน์ของประชาชนในการตรวจสอบในการทำหน้าที่วิธีหนึ่ง
จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ 2 ต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท จึงไม่จำต้องชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วม
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้อง นายสุรวิชช์ จำเลยที่ 2 ด้วย และยกคำร้องของโจทก์ร่วมที่ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์