xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : อย่าให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะ “ประชาธิปไตยไม่ได้ดังใจ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 ตอน อย่าให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะ “ประชาธิปไตยไม่ได้ดังใจ”



จนถึงวันนี้ประเทศฝรั่งเศสยังคงมีเหตุการณ์รุนแรงจากฝูงชน ซึ่งส่วนใหญ่วัยรุ่นที่บ้าคลั่งออกมาก่อจลาจลด้วยสาเหตุมาจากเด็กหนุ่มวัย 17 ปี เชื้อสายแอลจีเรียถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต เหตุเกิดที่เมืองนองแตร์ ทางตะวันตกของกรุงปารีส แหล่งที่อยู่อาศัยของชุมชนผู้มีรายได้น้อยและหลากหลายด้านเชื้อชาติ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ทำให้ประชาชนจำนวนมากโกรธแค้นต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบกับความไม่พอใจในประเด็นการเหยียดเชื้อชาติที่เป็นปัญหามานานจึงเกิด “ม็อบ” ออกมารวมตัวประท้วงตามท้องถนน กระทั่งเกิดความรุนแรงและยกระดับเป็นการจลาจลทำลายสถานที่ต่าง ๆ ลุกลามไปทั่วประเทศ

ทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกว่า 45,000 นาย ทั้งตำรวจควบคุมฝูงชนทหาร หน่วยจู่โจม หน่วยปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย หรือ GIGN อันลือชื่อของฝรั่งเศส และกองกำลังความมั่นคงอื่น ๆ พร้อมด้วยรถหุ้มเกราะ รถดับเพลิง กระจายกำลังทั่วประเทศ เพื่อระงับความรุนแรงและรักษาความปลอดภัย

กระนั้นผู้ประท้วงยังจุดไฟเผาถังขยะ รวมทั้งยานพาหนะราว 2,000 คัน และอาคารต่าง ๆ โดยเฉพาะอาคารสาธารณะราว 492 แห่งทั่วประเทศ ถูกเพลิงไหม้เสียหาย ตามมาด้วยการปล้นระดมร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะร้านขายสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพงในเมืองลียง และมาร์แซย์ ที่มีประชากรฝรั่งเศสเชื้อสายแอฟริกาเหนืออาศัยอยู่มาก

เหตุการณ์จลาจล ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ไปทั่วโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้สาเหตุของการจลาจลจะเกิดจาก “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่ทำให้คนโกรธแค้นชิงชังเจ้าหน้าที่ทางการแพร่กระจายไปราวกับ “ไฟลามทุ่ง” จนเกิดการตอบโต้ที่เกินขอบเขตของการประท้วง

แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไปถึง “รากเหง้า” ที่ทำให้เหตุการณ์บานปลายจนผู้ก่อเหตุคลุ้มคลั่งจะพบว่า
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีการ “เหยียดเชื้อชาติ” มานาน และทัศนคติตลอดจนการปฏิบัติต่อผู้มีเชื้อสายอื่น มีความแตกต่างอย่างเป็นรูปธรรมจากชาวฝรั่งเศสแท้ ๆ อย่างเห็นได้ชัด จนผู้ที่อยู่ในฐานะ “พลเมืองชั้นสอง” ทุกเพศทุกวัยรู้สึกได้

และความรู้สึกเจ็บแค้นกดดันนั้น ก็ถูกสะสมเพิ่มพูนขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไปจนกระทั่งมีชนวนเหตุให้อารมณ์นั้นถูกระเบิดออกมา กลายเป็น “ม็อบที่บ้าคลั่ง” และทำทุกอย่างเพื่อความสะใจโดยไม่คำนึงว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากมายสักแค่ไหน

สำหรับประเทศไทยซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองกำลัง “เข้าไคล” ใกล้ถึงจุดชี้ขาดตั้งแต่การเปิดประชุมสภาครั้งแรกในวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อเลือกประธานสภาฯ ซึ่งมีข่าวโดยตลอดว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต่างต้องการตำแหน่งนี้

แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ “ยกแรก” ของเกมระหว่างพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่า “เป็นฝ่ายประชาธิปไตย” ซึ่งยังมี “ยกสอง” ที่สำคัญรออยู่และเป็นยกที่ “ชี้ชะตา” ของบ้านเมืองไทยโดยไม่อาจปฏิเสธได้

นั่นคือการเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศคนที่ 30

แต่แนวโน้มที่นายพิธาจะพลาดจากตำแหน่งดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นไปได้สูงยิ่งจากกรณีข้อร้องเรียนต่าง ๆ มากมายจากทุกขั้วทุกค่ายที่ผนึกกำลังกันต่อต้านอย่างสุดกำลัง จนเป็นที่มาของคำว่า “นิติสงคราม” ที่ถูกกล่าวขานและเผยแพร่ในเครือข่าย “ด้อมส้ม” ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นกลไกจนทำให้ความขุ่นเคืองใจจากความเชื่อที่ว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล “ถูกกลั่นแกล้ง” สะสมเพิ่มพูนขึ้นมาโดยตลอด

จนน่ากังวลว่า หากความรู้สึกนั้นถูกหยิบไปปลุกระดมให้ “ด้อมส้ม” รวมทั้งสาวกเสื้อแดงที่ไม่พอใจหากพรรคเพื่อไทยพลิกขั้วหันไปจับมือกับกลุ่มอำนาจเก่าเพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยอ้าง“เสียสัตย์เพื่อชาติ” จนทำให้อารมณ์ของคนที่ผิดหวัง “ทะลักจุดแตก” กลายเป็นความโกรธแค้นสูงสุด

เชื่อได้เลยว่า “ม็อบ” ต้องเกิดขึ้นแน่ แต่จะเป็นม็อบที่รุนแรงและยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะมีมุมมองต่อผู้ประท้วงอย่างไร เพราะนั่นคือหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกวิธีการบริหารสถานการณ์ที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงให้ได้

ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น “ด้อมส้ม” หรือสาวกเสื้อแดงและกลุ่มอนุรักษ์นิยม ตลอดจน “พลังเงียบ” ที่ต่อต้านพรรคก้าวไกล จึงควรที่จะ “ใช้สติ” ในการยอมรับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เผชิญหน้าลุกลามบานปลายไปสู่การจลาจลเผาบ้านเผาเมือง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

นาทีนี้จึงต้องช่วยกัน “เตือนสติ” ทุกคนทุกฝ่ายให้ยอมรับความผิดหวังและไม่ปล่อยให้ “ประชาธิปไตยที่ไม่ได้ดังใจ” คือชนวนเหตุที่นำกลียุคมาสู่บ้านเมืองของเรา

-------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น