“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2566 ตอน : เศรษฐา ทวีสิน เคลื่อนไหวแล้ว ต่อคิวพิธา นายกฯ คนที่ 30
อย่างที่รู้กัน คนระดับ เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ต้องเป็นเบอร์ 1 ไม่ขอเป็นเบอร์ 2 เหมือนที่ให้สัมภาษณ์ก่อนการเลือกตั้งว่า จะไม่รับตำแหน่งอื่นๆ ในคณะรัฐมนตรี
ขนาดเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีชื่อตัวเองติดอยู่ในโผ เศรษฐา ยังประกาศลั่น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ถอดภาษากาย ภาษาคำพูด เข้าใจง่ายๆ คือ ไม่เอา
ยิ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ให้กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยี่ห้อ เศรษฐา ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากกว่า ไม่ยอมเดินตามนักธุรกิจรุ่นหลังแน่
หาก เศรษฐา สนใจเก้าอี้อื่น คงไม่ต้องมานั่งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นั่งไขว่ห้างอยู่เฉยๆ รอราชรถมาเกยย่อมได้ เพราะเส้นสายเป็นระดับเครือข่ายเจ้าของพรรคตัวจริง
แต่การมาลงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรคเพื่อไทย นั่นคือ วัตถุประสงค์ว่า ต้องเก้าอี้ผู้นำประเทศเท่านั้น
ขณะเดียวกัน สังคมทั่วไปรู้ ในบรรดา 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เศรษฐา คือ นัมเบอร์วัน ไม่ใช่ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาวนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แบรนด์ตระกูลชิน ที่ลงมาเรียกคะแนนให้พรรคเท่านั้น
ขณะที่ ชัยเกษม นิติสิริ เป็นเบอร์ 3 ติดอยู่ในบัญชี เพราะเป็นรายชื่อเก่าตั้งแต่ครั้งก่อน เป็นนักกฎหมายที่เจ้าของพรรคให้ความไว้วางใจ และเป็นสัญลักษณ์ต่อสู้กับรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จะถึงคิวอัยการสูงสุดคนนี้ได้ต่อเมื่อ ทั้ง เศรษฐา และ อุ๊งอิ๊ง ไม่รับเก้าอี้
ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยได้ส้มหล่นในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ชื่อของ เศรษฐา คือ นัมเบอร์วันที่จะถูกเสนอเข้าไปชิงชัยในรัฐสภา
เพียงแต่วันนี้มันยังไม่มีความชอบธรรมที่จะไปสู่จุดนั้น เพราะชื่อของ พิธา ยังได้รับสิทธิอันชอบธรรมในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรคก้าวไกล พรรคอันดับ 1 ในสนามเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทย และ เศรษฐา จะชอบธรรมได้ก็ต่อเมื่อ พิธา เจอทางตัน ไม่ผ่านชั้น ส.ว.สักที หรือเลวร้ายสุดคือ ถูกสอยตกสวรรค์ ทำให้ต้องถึงคิวพรรคเพื่อไทยอัตโนมัติ เพราะพรรคก้าวไกลเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
และเกมจะไม่มีทางพลิกในช่วงนี้ ทุกอย่างตอนนี้ยังเป็นคนชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไปพลิกผันกันตอนถึงชั้นโหวตนายกรัฐมนตรีกันตรงนั้น
ตอนนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผล 500ส.ส.ไม่มีกักไว้สักคนเดียว ต่อจากนี้ส.ส.ไปรายงานตัว มีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ปฏิญาณตน นัดประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร กระบวนการเหล่านี้ต้องเสร็จก่อน จากนั้นถึงจะถึงคิวโหวตนายกรัฐมนตรี
โดยช่วงที่จะมีการยื่นเรื่องตีความคุณสมบัติของ พิธา ได้ คือ หลังจากมี ส.ส. และประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ส.ส.สามารถยื่นเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
อยู่แค่ว่า จะยื่นก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี หรือจะปล่อยให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีกันไปก่อน พอไม่ผ่าน เพราะ ส.ว.ไม่ยกมือให้ เนื่องจากความไม่ชัดเจนกรณีคุณสมบัติ แล้วจึงยื่นประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ
ดูแล้วตราบใดที่คุณสมบัติยังคลุมเครือ ชื่อของ พิธา ผ่านด่าน ส.ว.ยาก แต่พรรคเพื่อไทยจะเสนอรายชื่อขึ้นไปแข่งเลย คงไม่เกิดขึ้น
พรรคเพื่อไทยจะเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเองได้ ต่อเมื่อชื่อของ พิธา เจอทางตันในแง่ของกฎหมายแล้วเท่านั้น
สถานการณ์การเมืองช่วงนั้นถึงจะเข้มข้นที่สุด ตอนนี้หายใจให้โล่งท้องกันไปก่อน ยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
แต่หากจับปฏิกิริยาของพรรคการเมืองต่างๆ ดูเหมือนมีการเตรียมพร้อมกับสถานการณ์นี้เอาไว้เช่นกัน ไม่ได้รอให้ส้มหล่นแล้วค่อยคิดกันตอนนั้น
โดยเฉพาะขั้วรัฐบาลเก่า ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งข้อสังเกตกันหรือไม่ว่า ทำไมมันเงียบแปลกๆ ทำไมมันดูเหมือนรับสภาพรอเป็นฝ่ายค้านกันง่ายจัง
มันนิ่งชนิดที่ว่า ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มา ซึ่งเป็นความเงียบที่ถือว่าน่ากลัวในทางการเมือง
ใครที่คิดว่า พวกนี้ตายซากแล้ว ต้องจับตาดูให้ดีๆ เพราะบางทีพรรคเหล่านี้อาจกำลังรออะไรอยู่! โดยให้จับตาไปที่พรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่พรรคเพื่อไทย แม้แกนนำพรรคหลายคนจะออกมายืนยันหนักแน่นถึงความรักที่มีต่อพรรคก้าวไกล ไม่มีวันทอดทิ้งไปไหน จะฝ่ามรสุมกันไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
แต่ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือ การเคลื่อนไหวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่าง เศรษฐา
พักหลังออกมางานถี่ พบปะตัวแทนประชาชน ล่าสุดสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่ง เศรษฐา ประกาศเลยว่า หากจะแก้ปัญหานี้ได้ พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงคมนาคม
ถามว่า เศรษฐา จะนั่งเองหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ แต่การประกาศแบบนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่เจ้าตัวยังคงมีบทบาททางการเมืองอยู่ ยังไม่ได้หมอบ ยอมศิโรราบ กลับไปทำธุรกิจของตัวเอง
ขณะเดียวกัน ยังมีการเดินสายพบปะภาคธุรกิจ ทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี มันมีคำถามว่า เศรษฐา ที่ประกาศว่า จะไม่เอาตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทำไปเพื่ออะไร ต่อยอดสนามเลือกตั้งครั้งหน้า มันก็ดูเร็วไปหน่อย
นอกจากนี้ ยังมีการลงพื้นที่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทย ทั้ง จ.แพร่ และน่าน เพื่อไปดูไร่โกโก้และไร่กาแฟของชาวบ้าน ขยันขันแข็งเป็นอย่างยิ่งในช่วงนี้
ขณะที่ทีมพีอาร์พรรรคเพื่อไทยในระยะนี้ก็พยายามโปรโมตวิถีการใช้ชีวิตเรียบง่ายของ เศรษฐา เป็นพิเศษ
ถ้าบอกแต่งตัวรออะไรบางอย่าง ก็น่าเชื่ออยู่
-------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1