ปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ประกาศเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับการเดินทางในฝรั่งเศส หลังเกิดเหตุรถบัสที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนคันหนึ่ง ถูกโจมตีโดยพวกผู้ประท้วงในมาร์กเซย์ ท่ามกลางเหตุจลาจลทั่วแดนน้ำหอม อันมีชนวนเหตุจากการชุมนุมต้านตำรวจยิงวัยรุ่นเสียชีวิตระหว่างเรียกตรวจค้นรถ ในขณะที่อิหร่านก็แจ้งพลเมืองให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปฝรั่งเศส ส่วนเยอรมนี เผยว่ากำลังจับตาสถานการณ์ความไม่สงบด้วยความเป็นกังวล
สถานการณ์ความไม่สงบ ประกอบกับการต่อแถวยาวเหยียดสำหรับยื่นขอวีซ่าไปประเทศต่างๆ ในยุโรป อาจทำให้บรรดานักท่องเที่ยวเปลี่ยนแผนการเดินทาง ในขณะที่พวกเขากลับมาเดินทางไปทั่วโลกกันอีกครั้ง หลังจากยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวด ที่บังคับใช้มานานกว่า 3 ปี
มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คนในคืนวันศุกร์ (30 มิ.ย.) หลังกลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากากเข้าโจมตีรถบัสคันหนึ่งซึ่งบรรทุกนักท่องเที่ยว 41 คนในเมืองมาร์กเซย์ เมืองท่าของฝรั่งเศส ตามรายงานของเว็บไซต์ ThePaper.cn อ้างอิงคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์
ภาพในวิดีโอพบเห็นกระจกหน้ารถบัสแตกเป็นรอยร้าว เช่นเดียวกับบานกระจกด้านข้างเกือบทั้งหมด
มาร์กเซย์ เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในระลอกการประท้วงทั่วประเทศ ซึ่งปะทุขึ้นมาหลังจากคนขับรถส่งของวัย 17 ปีรายหนึ่ง ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างโดนตำรวจเรียกตรวจคนรถใกล้กรุงปารีสเมื่อวันอังคาร (27 มิ.ย.)
สถานกงสุลจีนในมาร์กเซย์ ตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันทีตามกลไกฉุกเฉินของพวกเขา และได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของฝรั่งเศส ตามการเปิดเผยของกรมกิจการกงสุลของกระทรวงการต่างประเทศจีน
ทั้งนี้ สถานกงสุลได้ติดต่อพวกผู้โดยสารจีนที่อยู่บนรถบัสดังกล่าวแล้ว และได้ให้ความช่วยเหลือพวกเขาสำหรับเดินทางกลับจีนในวันเสาร์ (1 ก.ค.)
"สถานทูตจีนในฝรั่งเศส ขอแนะนำพลเมืองจีนให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในฝรั่งเศส หลีกเลี่ยงเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีการประท้วงและความขัดแย้งรุนแรง และยกระดับมาตรการป้องกันไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล" ประกาศเตือนของรัฐบาลระบุ พร้อมเน้นย้ำว่าพวกที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราวควรเพิ่มความตระหนักและระมัดระวังขณะเดินทาง
เหตุเสียชีวิตของคนขับวัยรุ่น ซึ่งมีเชื้อสายแอลจีเรีย โหมกระพือการปะทะรุนแรงในหลายพื้นที่ของปารีสและตามเมืองอื่นๆ ทั่วฝรั่งเศสเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพวกผู้ประท้วงแสดงความขุ่นเคืองต่อการใช้ความรุนแรงและการเหยียดผิวของตำรวจ
การประท้วงได้ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสยกระดับควบคุมด้านความปลอดภัยขั้นสูงและออกคำสั่งให้หยุดบริการขนส่งสาธารณะในยามค่ำคืน
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 2,000 คน ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่กองกำลังด้านความมั่นคงได้รับบาดเจ็บมากกว่า 500 นาย
สถานการณ์การประท้วงกลายเป็นหัวข้อการสนทนาอย่างกว้างขวางบนเว่ยปั๋ว สื่อสังคมออนไลน์คล้ายทวิตเตอร์ของจีน ด้วยผู้ใช้จำนวนมากแสดงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของฝรั่งเศส
ความกังวลด้านความปลอดภัยกลายเป็นอุปสรรคเพิ่มเติมที่ขัดขวางนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเดิมทีมีแผนใช้ช่วงเวลาวันหยุดฤดูร้อนหลังโควิด-19 หนแรกในฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมายปลายทางในยุโรปที่เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวจีน
นอกจากจีนแล้ว อิหร่านเป็นอีกชาติที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในฝรั่งเศส โดยกระทรวงการต่างประเทศเตหะรานเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) เรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศส ระมัดระวังและอดทนอดกลั้นในการจัดการกับการประท้วงที่ยังคงลุกลามและเหตุจลาจลทั่วประเทศ นอกจากนี้ พวกเขายังเร่งเร้าให้พลเมืองอิหร่านหลีกเลี่ยงเดินทางไปฝรั่งเศส อ้างอิงจากสถานการณ์ในแดนน้ำหอม
ด้าน โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีระบุในวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ว่าเยอรมนีกำลังจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในฝรั่งเศส ด้วยความเป็นกังวล
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เลื่อนการเดินทางเยือนเยอรมนีแบบรัฐพิธีออกไป จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) สืบเนื่องจากความยุ่งเหยิงบนท้องถนนในฝรั่งเศส
โชลซ์ ให้สัมภาษณ์กับสถานโทรทัศน์แห่งหนึ่งของเยอรมนีว่า แม้เขาจับตาด้วยความเป็นกังวล แต่มั่นใจว่า มาครง จะประสบความสำเร็จในความพยายามทำให้สถานการณ์สงบลง "ผมไม่คาดหมายว่าฝรั่งเศสจะเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพ แม้ว่าภาพต่างๆ นั้นน่ากังวลมาก"
(ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์)