xs
xsm
sm
md
lg

ฝรั่งเศสส่งตำรวจนับหมื่นคุมจลาจล มาครงเร่งแก้วิฤต-เลื่อนไปเยอรมนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - การจลาจลทั่วฝรั่งเศสดูเหมือนเบาลงในวันเสาร์ (1 ก.ค.) ขณะที่ตำรวจนับหมื่นนายถูกส่งไปควบคุมสถานการณ์ในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ภายหลังงานศพวัยรุ่นแอฟริกาเหนือที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตและจุดชนวนเหตุการณ์รุนแรงทั่วเมืองน้ำหอม

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เลื่อนการเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการที่มีกำหนดเริ่มต้นในวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) เพื่อจัดการกับวิกฤตเลวร้ายที่สุดต่อสถานะผู้นำนับจากการประท้วง “เสื้อกั๊กเหลือง” ที่ทำให้เมืองต่างๆ ในฝรั่งเศสกลายเป็นอัมพาตเมื่อปลายปี 2018

ตำรวจ 45,000 นายประจำการอยู่บนถนนสายต่างๆ โดยมีหน่วยเฉพาะกิจพิเศษ รถหุ้มเกราะ และเฮลิคอปเตอร์เป็นกำลังเสริมใน 3 เมืองใหญ่ที่สุดคือ ปารีส ลียง และมาร์เซย์

รอยเตอร์รายงานว่า เมื่อเวลา 1.45 น. วันอาทิตย์ สถานการณ์ถือว่า สงบกว่าเมื่อ 4 คืนก่อนหน้า แม้มีความตึงเครียดบางจุดกลางกรุงปารีส และมีการปะทะประปรายในเมืองชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ มาร์เซย์ นีซ และสตาร์สบูร์กทางตะวันออก

สถานการณ์คุกรุ่นที่สุดเกิดขึ้นในมาร์เซย์ที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและปะทะกับหนุ่มสาวรอบใจกลางเมืองในช่วงดึกวันเสาร์ (1 ก.ค.)

ที่ปารีส ตำรวจเพิ่มการรักษาความปลอดภัยถนนฌองส์เซลีเซ หลังจากมีการชักชวนผ่านทางโซเชียลมีเดียให้ประชาชนไปชุมนุม โดยตำรวจได้ตั้งจุดตรวจ ขณะที่ร้านค้าต้องหาไม้อัดมาตอกปิดกระจกหน้าร้านเพื่อป้องกันความเสียหายหรือการปล้น

กระทรวงมหาดไทยแถลงว่า มีผู้ถูกจับกุม 1,311 คนเมื่อคืนวันศุกร์ (30 มิ.ย.) เทียบกับ 875 คนเมื่อคืนก่อนหน้านั้น แต่สำทับว่า ความรุนแรงลดระดับลง และตำรวจจับกุมผู้ก่อความไม่สงบเกือบ 200 คนทั่วประเทศในวันเสาร์

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั่วฝรั่งเศสประกาศห้ามการชุมนุมประท้วง และสั่งให้ระบบขนส่งมวลชนยุติการให้บริการตั้งแต่ช่วงค่ำ และบางแห่งประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน

เหตุการณ์ไม่สงบนี้นอกจากส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในสายตาชาวโลกขณะที่ฝรั่งเศสกำลังจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปีหน้าแล้ว ยังเพิ่มความกดดันทางการเมืองต่อมาครง ที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญความไม่พอใจและการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงทั่วประเทศนานหลายเดือนหลังจากที่เขาพยายามผลักดันมาตรการปฏิรูประบบบำนาญ

การเลื่อนเดินทางเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ที่ผู้นำฝรั่งเศสผู้นี้ต้องยกเลิกงานสำคัญเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเดือนมีนาคม มาครงยกเลิกแผนการเสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการของพระเจ้าชาร์ลส์

ชนวนเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ครั้งนี้เกิดจากกรณีที่ตำรวจในย่านนองแตร์ของปารีส ยิงนาเฮล วัย 17 ปี ที่พ่อแม่เป็นคนแอลจีเรียและโมร็อกโก เสียชีวิตระหว่างการเรียกให้หยุดรถเมื่อวันอังคารที่แล้ว (27 มิ.ย.)

วันเสาร์ผู้คนนับร้อยเดินทางไปร่วมงานศพนาเฮลที่มัสยิดในนองแตร์ โดยมีอาสาสมัครสวมเสื้อกั๊กเหลืองรักษาความปลอดภัย และคนอีกไม่กี่ร้อยคนเฝ้าดูจากถนนฝั่งตรงข้าม

คลิปเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงนาเฮลกระตุ้นการร้องเรียนรอบใหม่ของชุมชนผู้ยากไร้และชุมชนชานเมืองที่ประกอบด้วยคนหลากเชื้อชาติ เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงและการเหยียดผิวของตำรวจ ด้านมาครงยืนยันว่า ไม่มีการเหยียดผิวอย่างเป็นระบบในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ อัยการแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) ว่า นาเฮลมีประวัติขัดขืนการเรียกจอดของตำรวจมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งยังขับรถที่เช่ามาโดยผิดกฎหมาย

อัยการเผยว่า ตำรวจที่ยอมรับว่า ยิงนาเฮลขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมอารักขาระหว่างการสอบสวนอย่างเป็นทางการในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะที่ทนายความของตำรวจนายนี้ระบุว่า ลูกความของตนเล็งปืนไปที่ขา แต่ถูกกระแทกตอนที่รถออกตัวทำให้ยิงพลาดไปเข้าหน้าอก

นอกจากนั้น ยังมีความไม่พอใจจากชุมชนที่ยากจนที่สุดที่ซึ่งปัญหาความไม่เท่าเทียมและอาชญากรรมระบาด และบรรดาผู้นำฝรั่งเศสในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่สามารถจัดการสิ่งที่นักการเมืองบางคนเรียกว่า “การแบ่งแยกสีผิวตามภูมิศาสตร์ สังคม และชาติพันธุ์”

เจอรัลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ผู้ก่อจลาจลเผารถ 2,000 คันนับจากเหตุการณ์ความไม่สงบปะทุขึ้น และตำรวจกว่า 200 นายได้รับบาดเจ็บ ขณะที่อายุเฉลี่ยของผู้ถูกจับกุมคือ 17 ปี เอริก ดูปองต์-มอเรตติ รัฐมนตรียุติธรรม สำทับว่า 30% ของผู้ถูกควบคุมตัวอายุต่ำกว่า 18 ปี

ทางด้านบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังเผยว่า ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร และสาขาธนาคารกว่า 700 แห่งถูกปล้นและเผานับจากวันอังคาร

รัฐบาลฝรั่งเศสเรียกร้องให้บริษัทโซเชียลมีเดียลบข้อความที่ปลุกเร้าความรุนแรง และดาร์มาแนงได้ประชุมกับตัวแทนจากเมตา ทวิตเตอร์ สแนปแชต และติ๊กต็อก

เหตุการณ์ความไม่สงบนี้ฟื้นความทรงจำถึงเหตุจลาจลทั่วฝรั่งเศสในปี 2005 ที่ยืดเยื้อถึง 3 สัปดาห์ และทำให้ฌาคส์ ชีรัก ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเรื่องเริ่มจากการที่ชายหนุ่ม 2 คนถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตขณะเข้าไปหลบตำรวจในโรงไฟฟ้า
กำลังโหลดความคิดเห็น