ไกด์นำเที่ยวชาวลาวร้องทนายดังช่วย ถูกจับคดียาเสพติด ติดคุกฟรีกว่า 2 ปี ศาลยกฟ้องสั่งคืนรถยนต์ของกลาง แต่ถูกยึดขายทอดตลาดแค่ 20,000 บาท เตรียมร้องเรียนกระทรวงยุติเอาเรื่องชุดจับกุม
.
วันนี้( 5 พ.ค.)เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานทนายรัชพล ศิริสาคร อ.เมือง จ.นนทบุรี นายไหม วงศ์เวียงคำ อายุ 55 ปี เดินทางมาจากลาว เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทนายรัชพล กรณีเคยถูกจับยาเสพติดพร้อมยึดรถยนต์ ยี่ห้อเชอรี่ มูลค่า 350,000 บาท เป็นของกลาง ระหว่างพิจารณาต้องอยู่ในคุกไม่ได้ประกันตัว ต่อมาศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง และให้คืนรถยนต์ คดีถึงที่สุด แต่เมื่อออกมาจากคุกจึงมาถามหารถยนต์คันดังกล่าวที่ สำนักงาน ป.ป.ส. กลับได้รับคำตอบว่ารถยนต์ขายทอดตลาดไปแล้ว ได้เงินมา 20,000 บาท นายไหมรู้สึกว่าตนไม่ได้ทำผิด ทำไมต้องสูญเสียทรัพย์สิน และไม่มีใครรับผิดชอบจึงมาร้องเรียนกับทนายรัชพล
นายไหม หนุ่มลาว เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตนมีอาชีพเป็นไกด์พานักท่องเที่ยว ข้ามไปยังฝั่งลาว เมื่อปี 59 ตนถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จับกุมตัวหน้าบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย พร้อม ยึดรถยนต์ยี่ห้อเชอรี่ หมายเลขทะเบียน กส-6201 กำแพงนคร ประเทศลาว ที่ตนเองซื้อมาราคา 350,000 บาท และผ่อนหมดไปแล้ว เผื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกล่าวหาตนเองว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำนวน 14 กิโล โดยมีหลักฐานเป็นของกลางอยู่ในกล่องขนาดใหญ่ ซึ่งส่งมาที่บ้านของตนทั้งๆ ที่ตนเองไม่รู้เรื่อง ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดักซุ่มจับกุม ขณะนำนักท่องเที่ยวจะข้ามฝั่งไปเที่ยวยังประเทศลาว
ตนถูกจับกุมตัวและถูกนำตัวไปควบคุมขัง ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เป็นเวลาเกือบ 3 ปี จนคดีสิ้นสุด ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง และสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางของตนเอง หลังจากนั้นมาตนได้เดินทางไปติดต่อขอรับรถยนต์ จากทาง ป.ป.ส. กลับได้รับการชี้แจงว่ารถยนต์ของตนเองได้ทำการขายทอดตลาดไปแล้ว ในราคา 20,000 บาทเอง ตนรู้สึกรับไม่ได้จึงไม่ขอรับเงินดังกล่าว เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางมาร้องเรียนกับทนายรัชพล เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามในคดี
ทางด้านทนายรัชพล เผยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น ตนเองจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เสียชื่อ ประเทศไทย รวมทั้ง ผู้เสียหายเองก็ไม่ได้รับการเยียวยา เท่าที่ควรจะได้ เพราะทั้งหมด เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งสิ้น การที่จะคืนเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับผู้เสียหาย ที่นำรถไปขายนั้น ตนมองว่า เป็นเพียงแค่เศษเงิน ที่เขา เยียวยามา ซึ่งมันไม่ถูกต้องและไม่มีความเป็นธรรมกับผู้เสียหายรายนี้เลย