MGR Online - กรมบังคับคดี ชี้แจงผู้ซื้อทรัพย์จากกรมฯ ต้องทำตามคำสั่งศาล-มีขั้นตอนปฏิบัติ แนะให้พนักงานบังคับคดีดำเนินการ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) นางเพ็ญรวี มาแสง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม โฆษกกรมบังคับคดี ชี้แจงว่า การยึดทรัพย์และขายทอดตลาดเป็นภารกิจของกรมบังคับคดีที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลและมีขั้นตอนตามที่กฎมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อนำออกขายทอดตลาดทรัพย์นำเงินมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ซึ่งศาลจะออกหมายบังคับคดีเพื่อให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ดำเนินการในการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีหน้าที่ตามที่หมายบังคับคดีกำหนดไว้เท่านั้น ไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้เกินกว่าที่กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี ทั้งนี้ในการบังคับคดีจะดำเนินการเมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการ
การขายทอดตลาดทรัพย์ของกรมบังคับคดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี ในการนำทรัพย์ที่ยึดออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีจะจัดทำประกาศขายทอดตลาดแจ้งไปยังเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงการเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปได้ทราบ เพื่อให้ผู้ที่สนใจซื้อทรัพย์เข้ามาร่วมประมูลในการขายทอดตลาด
ซี่งประกาศขายทอดตลาดจะมีรายละเอียดขั้นตอน วิธีการ เงื่อนไข ข้อสัญญา และคำเตือนผู้ซื้อในการเข้าซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ที่สนใจเข้าซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดควรต้องไปตรวจสอบทรัพย์ที่สนใจว่าตรงตามความต้องการหรือไม่ สภาพทรัพย์เป็นอย่างไร ทรัพย์ดังกล่าวมีผู้อาศัยอยู่หรือไม่ เพื่อประกอบในการตัดสินใจ เพราะทรัพย์ที่จะทำการขายทอดตลาดเป็นทรัพย์ที่ถูกบังคับขายตามกฎหมาย ลูกหนี้บางรายอาจจะยังไม่ได้ออกจากทรัพย์ด้วยเหตุผลต่างๆ จากนั้นเมื่อซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดได้ ผู้ซื้อต้องชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ตามกำหนดเวลาในสัญญาซื้อขาย เมื่อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ผู้ซื้อต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน
หากผู้ซื้อทรัพย์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อเรียบร้อยแล้ว แต่พบว่าเจ้าของเดิมและบริวารไม่ยอมออกจากทรัพย์ หรือพบว่าเจ้าของเดิมและบริวารย้ายออกแล้วแต่ยังมีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ จะต้องทำอย่างไร ในเรื่องนี้กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้สามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่เพื่อให้ศาลมีหมายบังคับคดีเพื่อบังคับให้เจ้าของเดิมและบริวารออกจากทรัพย์ที่ซื้อได้
ซึ่งการเขียนคำขอดังกล่าวต่อศาลนั้น ผู้ซื้อสามารถยื่นคำขอได้ด้วยตนเองโดยเขียนคำขอแสดงให้ศาลทราบว่า ผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาด และเจ้าของเดิมและบริวารไม่ยอมออกจากทรัพย์ที่ซื้อได้ เมื่อศาลพิจารณาและออกหมายบังคับคดีให้แล้ว ผู้ซื้อมีหน้าที่แจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าเจ้าของเดิมและบริวารยังคงอาศัยอยู่ในทรัพย์ที่ซื้อได้ ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการขับไล่ตามหมายบังคับคดีดังกล่าว โดยรายงานต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งจับกุมและกักขังจำเลยและบริวาร เมื่อศาลออกหมายจับแล้ว ผู้ซื้อทรัพย์สามารถนำหมายจับไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อดำเนินการตามหมายจับ
และต่อมาเมื่อไม่มีผู้ใดอาศัยในทรัพย์ที่ซื้อได้แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป หากมีทรัพย์สินของเจ้าของเดิมคงเหลืออยู่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะรวบรวมทรัพย์สินของเจ้าของเดิมและแจ้งให้เจ้าของเดิมมารับทรัพย์ที่รวบรวมคืนไป หากเจ้าของเดิมไม่มารับทรัพย์สินของตนเอง เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะนำทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดและ แจ้งให้เจ้าของเดิมมารับเงินที่ขายทอดตลาด
ทั้งนี้ ผู้ซื้อทรัพย์ที่ได้โอนกรรมสิทธิ์แล้ว สามารถไปแจ้งให้เจ้าของเดิมและบริวารออกจากทรัพย์ที่ซื้อทอดตลาดได้ แต่หากเจ้าของเดิมและบริวารไม่ยินยอมออกจากทรัพย์ที่ซื้อได้ ผู้ซื้อทรัพย์ควรใช้กระบวนการทางกฎหมายตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นเพื่อลดการขัดแย้ง และความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่ายังมีพอมีแนวทางในการเจรจาหาทางออกร่วมกัน ผู้ซื้อทรัพย์อาจร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดให้มีการเจรจากันก่อนที่จะใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ดังนั้น ในการบังคับคดีในการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่เพียงเท่าที่หมายบังคับคดีกำหนดในการยึดและขายทอดตลาด จึงไม่สามารถที่ขับไล่ลูกหนี้และบริวารได้ในทันทีที่ยึดหรือก่อนการนำทรัพย์ออกขายทอดตลาด อีกทั้งมีคดีจำนวนไม่น้อยที่ภายหลังจากการยึดแล้ว ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้จนมีการถอนการยึดทรัพย์ไปก่อนการจะนำทรัพย์ออกขายทอดตลาด และเมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ได้ผู้ซื้อย่อมได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นในทันที แต่หากมีกรณีที่ลูกหนี้และบริวารไม่ยอมออกจากทรัพย์นั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีก็มีหน้าที่ในการดำเนินการขับไล่ให้ตามหมายบังคับคดีที่ผู้ซื้อไปขอต่อศาลต่อไป
หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการบังคับคดี สามารถสอบถามเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ณ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดที่กรมบังคับคดี 02-881-4999 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 เว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th