xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ ลิ้ม" เปิดแนวรบ เอาผิดสวนชูวิทย์-ชัชชาติ โจรชูวิทย์เจอศึกหนักแน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ "สนธิ ลิ้ม" เปิดแนวรบ เอาผิดสวนชูวิทย์-ชัชชาติ โจรชูวิทย์เจอศึกหนักแน่



“ศาสดาคนโง่” คนล่าสุดของประเทศไทย และมาแรงในยุคนี้ ก็น่าจะเป็นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

“คนโง่ เป็นเหยื่อของคนฉลาด” ตามคำโบราณว่า ก็ดูจากนายชูวิทย์กับสาวกนี่แหละ เพราะไม่ว่า “ศาสดา” พูดโกหกบิดเบือนอะไร “สาวก” ก็เฮโลเชื่อทุกอย่าง โดยไม่ได้ ค.ว.ย. คิด วิเคราะห์ แยกแยะ

อย่างเที่ยวล่าสุด ที่นายชูวิทย์ออกมาด่ากราดนายสนธิ ลิ้มทองกุล และอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เพราะทั้งสองไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการสอบสวนกรณีสวนชูวิทย์

นายชูวิทย์อ้างดื้อๆ ว่า นายสนธิและอาจารย์ปานเทพ โกรธแค้นที่นายชูวิทย์ รณรงค์ต่อต้าน “กัญชาเสรี” เลยลามมาเล่นงานเรื่องสวนชูวิทย์

แล้วก็ด่าอะไรต่อมิอะไรอีกยกใหญ่ ดูขึงขังเหี้ยมหาญแนวมหาโจร แต่มองดีๆ นั่นมันคือ การออกอาการ “ร้อน” จนเก็บทรงไม่อยู่ ในทรงแบดนายชูวิทย์ต้องโกหกอีกรอบ

อย่างแรกเลย กัญชา ในแบบที่นายสนธิและอาจารย์ปานเทพ ผลักดันต่อสู้มาตลอดนั้น มันคือ “กัญชาทางการแพทย์” ไม่ใช่ “กัญชาเสรี” แบบที่นายชูวิทย์ว่า

เรื่องที่นายชูวิทย์เอาเด็กๆ เยาวชนมาอ้างว่า ตกเป็นเหยื่อนโยบายกัญชาเสรี นี่คือโกหกตาใสหลังแว่นตาดำ เพราะประเทศไทยไม่มีกัญชาเสรี มีกฎหมายควบคุมกัญชาที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขอย่างยิบย่อย ปิดทางไม่ให้เป็นกัญชาเสรี แต่การที่ตำรวจละเว้นไม่จับกัญชา ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปตรวจสอบตำรวจ

คนที่เอากัญชา มาเป็นเครื่องมือทำลายทางการเมือง อย่างนายชูวิทย์ กับคนที่ศึกษาถึงผลดีของกัญชามาอย่างดี อย่างอาจารย์ปานเทพ จริงๆ แล้วควรออกทีวีดีเบตกันสักตั้ง ให้ผู้ชมตัดสิน ใครพูดจริง ใครโกหก

แต่นายชูวิทย์ตีกรรเชียงหนีลูกเดียว ใช้วิธีด้อยค่าอาจาย์ปานเทพว่าเป็น “เด็กวานซืน” เป็นข้ออ้างที่จะชิ่งหนี

แล้วก็ข้ามไปท้านายสนธิแทนให้ออกมาดีเบต ซึ่งธาตุแท้คนอย่างนายสนธินั้น ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว เกียรติประวัติเก่าๆ ก็เลื่องลือยืนยันชัดเจนได้ ทั้งสติปัญญา ความรู้ความสามารถทั้งปวง ก็รู้กันดีว่าสนธินั้นสำเร็จอยู่ในขั้นไหน ว่ากันว่า ถ้าสนธิยืนอยู่ที่2 ในบ้านเมืองนี้ก็ไม่มีใครกล้า เป็นที่1 ยังงั้นเลยทีเดียว

ถ้าจะดีเบตกับชูวิทย์ สนธิแค่ขอให้ชูวิทย์ ไปผ่านด่านอาจาย์ปานเทพ มาให้ได้ก่อนดีกว่า ขอแค่นี้ก็สมควรแล้วมิใช่หรือ เพราะความจริงชื่อชั้นชูวิทย์เป็นแค่โจรกระจอก เที่ยวปล้นชิงวิ่งราว แต่หลงผิดคิดว่าเป็นจอมยุทธ์แล้ว ยังห่างชั้นกับสนธิอยู่มาก

ส่วนเรื่องสวนชูวิทย์ ที่ทำเอานายชูวิทย์ร้อนรุ่มออกอาการ นายสนธิและอาจาย์ปานเทพ ก็ใช้ช่องทางตามกฎหมายปกติ ในการร้องเรียน ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ

เนื่องจากเห็นว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกทม. และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ใส่เกียร์ว่างในเรื่องนี้

ทั้งที่มันเป็นกรณีพิพาทที่ดิน ที่มีประเด็นแหลมคม สมควรตรวจสอบให้ชัดเจน แต่กทม. นำโดยนายชัชชาติ ออกท่าเป็นมวยล้ม กลัวนายชูวิทย์ขี้ขึ้นสมอง จนไม่กล้าแตะเรื่องนี้

แต่ใช้วิธีตรวจสอบเบื้องต้น แค่ว่านายชูวิทย์เสียภาษีที่ดินมาตลอด ก็เอามารวบรัดสรุปอย่างรวดเร็วว่า “สวนชูวิทย์ ยังเป็นของชูวิทย์”

ลีลาการทำงานแบบนายชัชชาติ ในฐานะผู้ว่าฯ กทม. เท่าที่พิสูจน์ตัวเองมาเป็นปี คนมากมายก็สรุปได้แล้วว่า “ดีแต่สร้างภาพ” “เก่งแต่ปาก” “ไม่มีผลงาน”

แค่คดีพิพาทง่ายๆ แบบที่ดินสวนชูวิทย์ นายชัชชาติแค่ส่งเรื่องไปให้ศาลชี้ขาด ก็ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว เพราะถึงอย่างไร คดีสวนชูวิทย์ คนที่ต้องตัดสิน ก็คือศาล ไม่ใช่นักการเมืองอย่างนายชัชชาติ หรือฝ่ายกฎหมายของ กทม.

แต่นายชัชชาติกลับกอดคดีไว้กับตัวเอง ด้วยการ “ดอง” ไว้ ไม่ยอมดำเนินการให้เหมาะสม ในเมื่อเลือกเองที่จะทำเช่นนี้ นายชัชชาติก็เตรียมรอรับกระแทกได้เลย

ต่อให้นายชูวิทย์จะเสียดสีนายสนธิใดๆ ก็ตาม หัวเด็ดตีนขาด สวนชูวิทย์ก็ไม่มีทางตกเป็นของนายสนธิ ผู้ร้องเรียนไปได้ นายสนธิไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อสังคมและความถูกต้องทางกฎหมายบ้านเมือง

เรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องขึ้นมา เพราะนายชูวิทย์เอง ดันเกิดปอดแหกกลัวติดคุกยาว ในคดีเผาไล่คนเช่า หรือที่รู้กันดีในคดีเผารื้อบาร์เบียร์ ซึ่งโจรชูวิทย์ทำอย่างป่าเถื่อน เหยียดหยามกฎหมาย ยังไงศาลต้องลงโทษตำคุกแน่ มันเลยงัดที่ดินพิพาทไปต่อรองกับศาลเอง จนศาลปราณี ลดโทษให้จากจำคุก 5 ปี เหลือแค่ 2 ปี

โดยศาลฎีกาเขียนไว้ในคำพิพากษาตอนหนึ่ง ระบุชัดถึงเจตนาการยกที่ดินมาเป็นสวนสาธารณะ ว่าชูวิทย์จะไม่นำที่ดินมาหาประโยชน์ แสวงหากำไรทางธุรกิจอีก จึงลดโทษจาก5 ปีเหลือ2ปี แต่วันนี้ชูวิทย์พูดกับสาวก ว่าศาลไม่ได้ลดโทษให้เพราะประเด็นนี้ เท่ากับเป็นการกลอกกลิ้ง โกหกอย่างหน้าด้านๆหลังได้รับประโยชน์ไปแล้ว

ตามหลัก กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จึงเป็นไปได้ว่า นายชูวิทย์คิดยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะ เพราะหวังได้ประโยชน์เฉพาะหน้าเพื่อตัวเอง ที่ลวงให้ศาลลดโทษ และเป็นความตั้งใจหลอกลวงฉ้อฉลศาลตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้สำนึกผิดจริง

แต่โดยที่ชูวิทย์ไม่ได้ศึกษากฎหมายให้แม่นๆ เสียก่อน ว่าเรื่องการยกที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัตินั้น แค่เอ่ยปากเปล่า ก็มีผลผูกพันในทันที และไม่สามารถเปลี่ยนใจกลับคืนได้อีกต่างหาก

เรื่องที่ดินสวนชูวิทย์ มองให้เป็นธรรมจะเห็นว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องของสนธิ เป็นไปเพื่อสังคมส่วนรวม ทุกความเคลื่อนไหวอยู่บนความจริง บนบรรทัดฐานตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา บนความชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่เสียสละ เพราะถึงขนาดสนธิไปยื่นหนังสือกับป.ป.ช.เอง เป็นเรื่องที่สนธิไม่เคยทำมาก่อน

งานนี้ นายสนธิ ได้แนบคำพิพากษาศาลฎีกาไปถึง 14 ฎีกา ประกอบการพิจารณาของ ป.ป.ช. ทั้ง 14 ฎีกาเหล่านั้น ต่างชี้ขาดไปในทางเดียวกันหมด ข้อพิพาท

สวนชูวิทย์ เป็นอะไรที่สอดคล้องคำพิพากษาศาลฎีกาทั้ง 14 คดี ที่ว่าถ้าใครยกที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติแล้วละก็ มันก็จะมีผลในทันที แบบให้แล้วให้เลย กรรมสิทธิ์โอนไปเลย โดยไม่ต้องไปจดทะเบียนเปลี่ยนกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด

นายชูวิทย์ไปเตรียมตัวแก้ต่างในชั้นศาลดีกว่า แม้ขั้นตอนพวกนี้อาจจะยาวนาน แต่สุดท้าย ก็คงต้องไปถึงศาล ต้องต่อสู้กันเป็นหนังชีวิต ไม่ได้จบง่ายๆ เพราะรบกับสนธิ ต้องรู้ว่าสนธิคือลูกผู้ชายตัวจริง สู้อย่างกล้าหาญเปิดเผย และรบแล้วไม่มีวันถอดใจ สะกดคำว่า ถอยไม่เป็น

-------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น