“ชูวิทย์” แถลงหลังเข้าพบ “บิ๊กตู่” 15 นาที เผย ได้บอกนายกฯ ว่า เป็นนักการเมืองแล้ว ต้องอยู่ข้างประชาชน จัดการกับทุนจีนสีเทาให้ได้ โดยนายกฯ รับปากจะดำเนินการให้เร็วที่สุดตามขั้นตอน พร้อมสั่ง ผบ.ตร.ตรวจสอบปมหลานมีเอี่ยวรถบัสตู้ห่าวแล้ว เปิดคลิปแฉซ้ำ พนง.ผับจินหลิง มีเป็นสิบ แต่พยานในสำนวนตำรวจมีแค่ 2 คน
วันนี้ (10 ม.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงสรุปผลภายหลังเข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องทุนจีนสีเทา ไล่ตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดโปงจีนทุนสีเทา จนนำไปสู่การออกหมายจับ มีการดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวและเครือข่าย พร้อมย้ำว่า ตนเองเป็นประชาชนที่ทำงานเพื่อประชาชน และต้องสู้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ไม่มีหน่วยงานรัฐสนับสนุน และการออกมาเปิดโปง อยากให้ประชาชนได้เห็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกคนพยายามรักษาอำนาจตัวเองไว้ แต่ตนเองก็จะทุกอย่างเพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยขณะนี้ถึงเป้าหมายกว่า 80% แต่ยังไม่ครบ 100%
นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับนายกฯ เป็นเวลา 15 นาที และวันนี้ มองว่า นายกฯ เปลี่ยนไป เพราะเป็นนักการเมืองแล้ว จะแสดงบทบาทแบบเดิมไม่ได้ แต่ต้องรับฟังเสียงของประชาชน จึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ข้างประชาชนได้บอกว่า หากนายกฯ เดินสายการเมืองแล้ว ก็ต้องจัดการเรื่องจีนเทาให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีรับฟังและรับปากว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ขอให้เข้าใจการดำเนินการทุกเรื่องทุกอย่างต้องมีขั้นตอน
ส่วนเรื่องรถบัสตู้ห่าว ที่มีหลานนายกฯ เกี่ยวข้อง ทราบว่า นายกฯ สั่งการ ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบแล้ว ส่วน ผบช.น.อยู่ที่จเรตำรวจ ตนเองไม่สามารถไปเรียกร้องหรือกำหนดเวลาได้ แต่จุดประสงค์ คือ อยากให้รับฟังและให้ประชาชนเห็นว่าจะสู้กับรัฐต้องรู้เท่าทันอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่า การรับปากของนายกฯ ไม่ใช่การแก้เก้อ เพราะคนอย่างชูวิทย์ก็ไม่ใช่ธรรมดา
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การไปพบนายกฯ ไม่ใช่การหาทางลงให้ตัวเอง เพราะการออกมาเปิดโปงข้อมูลนายทุนจีน ทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร และไม่ได้จะเล่นการเมือง
ต้นเหตุของเรื่องนี้มาจากเรื่องเดียว คือ การร่วมกันทุจริตสังคมไทย เพราะการสนับสนุนมีตัวการ คือ ตู้ห่าว และจะมีผู้สนับสนุน คือ ตำรวจ ถ้าไม่มีตำรวจตู้ห่าวไม่โตขนาดนี้ ผู้สนับสนุนที่สองคือหน่วยงานรัฐและเครือข่ายนักการเมือง เป็นเหตุผลว่าฝ่ายค้านและรัฐบาลถึงเงียบเพราะขบวนการนี้แทรกแซงทั้งหมด ตนเองจึงต้องมาจุดเทียนเพราะบ้านเมืองมืดมน แต่กลับพบว่าทำอยู่คนเดียว
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้นำคลิปกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิงมาเปิดต่อสื่อมวลชน ปรากฏภาพพนักงานไม่น้อยกว่า 10 คน และบุคคลอื่นๆ เดินไปมาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันพยานในสำนวนคดีเหลือเพียงพนักงานเสิร์ฟเพียง 2 คน ไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่นๆ ในที่เกิดเหตุอีก ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณประตูทางเข้าออกผับจินหลิง มีพนักงานคอยตรวจค้นร่างกาย จากภาพจะละเว้นการค้นตัวหลานชายนายตู้ห่าว แม้จะเห็นว่าถือซองสีขาวที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่าซองดังกล่าวเป็นซองที่บรรจุยาเสพติด แต่จะตรวจอย่างละเอียดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในนั้นพบยาเสพติดที่ตัว ในคลิปพนักงานที่ตรวจได้เรียกผู้ดูแลผับมาพูดคุย ก่อนจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในผับได้โดยไม่ดำเนินการอะไร
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิงที่มีนายตู้ห่าว เป็นหัวหน้าขบวนการสูงสุด มีผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญแยกย่อยออกมารวม 10 คน มีการแบ่งหน้าที่กันดูแลทั้งเรื่องเงิน และเรื่องยาเสพติด
โดยต้นเหตุของเรื่องนี้เป็นการร่วมกันทุจริตของสังคมไทยที่มีนายตู้ห่าวเป็นเพียงตัวการ และมีตำรวจเป็นผู้สนับสนุน หน่วยงานรัฐ และนักการเมือง ตนตั้งใจมาชำแหละเครือข่ายทุจริตคอร์รัปชัน ตนจึงจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อไปสู่เป้าหมาย หากใครจะโทษตนเองก็ยอมรับ