พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ขอให้มั่นใจการทำงานคดี “ผับจินหลิง” ยันไม่ใช่โรงลิเกตามที่ นายชูวิทย์บอก เผยเตรียมเรียก ผบช.น.-คณะพนักงานสอบสวนให้ข้อมูล ตั้งกรอบรายงานผล ผบ.ตร.ใน 15 วัน
จากกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานเอกสารต่างๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอ เข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการจเรตำรวจแห่งชาติ ภายหลังได้รับหมายเรียกมาให้ปากคำจากการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการทำงานของชุดพนักงานสอบสวนนครบาลที่ดูแลคดีกลุ่มนายทุนจีนทำธุรกิจสีเทา และคดีสถานบันเทิงจินหลิง ของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งเจ้าตัวมองว่าการให้ข้อมูลครั้งนี้เปรียบเหมือนการแสดง เพราะเชื่อว่าจเรตำรวจจะไม่เอาจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ม.ค. มีรายงานว่าหลังจาก พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) ได้รับฟังข้อมูลในคดีการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายในคดีผับจินหลิง และเครือข่ายทุนจีนสีเทาของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว จาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า เตรียมเรียก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และคณะพนักงานสอบสวน คดีผับจินหลิง มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบ เนื่องจากถูกพาดพิงถึง โดยการซักถามก็เป็นประเด็นทั่วไปที่นายชูวิทย์เคยออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และจะใช้เวลาในการสอบสวนข้อเท็จจริงประมาน 15 วัน ก่อนจะรายงานผลไปให้ ผบ.ตร.
นอกจากนี้ คณะสอบสวนข้อเท็จจริงของจเรตำรวจเตรียมพิจารณาว่ามีพยานบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจในการทำงานของคณะตรวจสอบ ว่าไม่ใช่โรงลิเก และจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนตัวไม่ได้น้อยใจที่นายชูวิทย์แสดงความไม่มั่นใจการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ด้านประเด็นการตรวจสอบกรณีมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ผับจินหลิง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด วันเวลา และสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งการดูจากคลิปวิดีโอยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุเกิดเมื่อไหร่ และมีการลักลอบเล่นการพนันจริงหรือไม่ ซึ่งมีคลิปสามารถยืนยันบุคคลได้คนเดียวคือ นายตู้ห่าว ขณะเดียวกัน หากพบว่าเป็นการลักลอบเล่นการพนันจริง สามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมย้อนหลังต่อนายตู้ห่าว และพวกได้ โดยมีอายุความสูงถึง 10 ปี และหากพบว่าตำรวจท้องที่ปล่อยปละละเลย สามารถเอาผิดย้อนหลังได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังมีอำนาจตรวจสอบกรณี 3 นายพล และนายตำรวจหัวหน้าหน่วยสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ถูกพาดพิงว่าช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงหนังสือเดินทางให้แก่ผู้ต้องหาคนจีนบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจเอกสารซึ่งมีมากถึง 1 แสนแผ่น และมีตำรวจเกี่ยวข้องหลายนาย