xs
xsm
sm
md
lg

อัยการ-ตร.เตรียมสรุปสำนวนคดี"ตู้ห่าว-ทุนจีนสีเทา"ส่ง ออส.พิจารณา 8 ม.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา และนายชัยณัฐ กรณ์ชนานันท์ หรือตู้ห่าว ว่า ได้ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยขออนุมัติหมายจับจำนวน 25 หมาย จับกุมได้แล้ว 17 หมาย หลังจากนั้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ได้ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับเพิ่มเติมจำนวน 12 หมาย จับกุมได้แล้ว 2 ราย ในฐานความผิดทั้งที่เกี่ยวกับการสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับจำหน่ายยาเสพติด สมคบกันกระทำในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการสมคบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน ซึ่งคดีนี้ได้รวมสำนวนทั้งหมด 5 สำนวน เป็นสำนวนเดียว เนื่องจาก เป็นพฤติกรรมร่วมในการกระทำความผิด ซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 8 มกราคม เพื่อให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาและทันฝากขังในกรอบเวลาวันที่ 20 มกราคม ขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก และยืนยันว่า สำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนมีความสมบูรณ์ โดยมุ่งเน้นแสวงหาการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นหลัก และไม่ถือว่าเป็นช่องโหว่ในกรณีที่มีการแจ้งข้อหาล่าช้ากับกลุ่มผู้ต้องหา

ส่วนกรณีที่เกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนว่า ทำสำนวนอ่อนหรือไม่ จากการสอบสวนของพนักงานอัยการสูงสุดโดยละเอียด พบว่าภาพรวมของสำนวนมีความสมบูรณ์ถูกต้อง และมุ่งเน้นไปที่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็นหลัก ไม่ได้เน้นในฐานความผิดฐานใดฐานหนึ่ง แต่เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งทางอัยการได้มีการเพิ่มเติมสำนวนเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ที่ผับจินหลิงนั้น ไม่มีผลในทางคดีเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุรอบแรกแล้ว

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยคลิปวิดีโอและหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมทั้งตำหนิการทำงานของตำรวจเกี่ยวกับเรื่องสำนวนคดี ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อสำนวนคดี ยืนยันว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว 2 ชุด โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นคณะกรรมการร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งจะมีการเชิญอัยการ 2-3 ท่าน มาร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปและข้อมูลอื่นๆ ที่มีการเผยแพร่ทั้งหมด ว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่โดยจะต้องรายงานให้ทราบภายใน 15 วัน

อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่คลิปหรือข้อมูลผ่านทางสื่อ เกรงว่าอาจเป็นช่องโหว่ให้กับกลุ่มผู้ต้องหานำไปต่อสู้ทางคดีได้ หากมีข้อมูลหลักฐานก็สามารถนำมาส่งให้กับตำรวจหรืออัยการได้โดยตรง ขณะนี้ยังไม่มีการคิดเรื่องการฟ้องร้องกับนายชูวิทย์

ส่วนการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตามที่นายชูวิทย์ ร้องขอ ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานด้วยดีมาโดยตลอด

ขณะที่การดำเนินคดีข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยของกลางและปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีผับจินหลิง ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว 4 นาย ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน สน. ยานนาวา 2 นาย และรองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว 1 นาย ขณะนี้ได้ส่งสำนวนทั้ง 3 นาย ไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาฐานความผิดมาตรา 157 ส่วนรองผู้บังคับการนครบาล 6 อีกหนึ่งนาย อยู่ระหว่างการทำสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช. เช่นกัน พร้อมทั้งให้ตำรวจนครบาลตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทั้ง 4 รายแล้ว