รายการ “ถอนหมุดข่าว”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ “ชูวิทย์” ปะทะ “สันธนะ” ศึกลากไส้คนสีเทา
เวลานี้ศึก “จอมแฉปะทะโคตรแฉ”นับว่าสังคมไทยให้ความสนใจมาก เรียกว่าถ้าเป็นกีฬามวยต้องถือว่าถูกคู่ สมน้ำสมเนื้อ ระหว่าง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ กับ นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งมีความคู่คี่สูสี ยิ่งเทียบประวัติวีรกรรมกันปอนด์ต่อปอนด์ ก็จะเพิ่มความสนุกระทึกใจ สำหรับการติดตามยิ่งกว่าดูละครน้ำเน่า
เริ่มที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ หรือรองต่อ อดีตนายตำรวจดังเป็น นรต.รุ่น 33 โด่งดังเป็นที่รู้จักราวปี 2547 ตอนมีเรื่องกับตำรวจที่บุกจับบ่อนพนันภายในแมนชั่นแห่งหนึ่งย่านบางกอกน้อย จากนั้นจึงถูกให้ออกจากราชการฐานผิดวินัยอย่างร้อยแรง ต้องถอดยศ ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
รองต่อ เคยเป็นรองหัวหน้าพรรคประชากรไทย เคยสมัคร สว.และ สส.แต่สอบตก ปี 2549 ถูกมือปืนขับรถไล่ปะกบยิงถล่มแยกไฟแดงถนนสวรรคโลก ตัดถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กทม.แต่ลูกน้องรับเคราะห์ นายสันธนะ ระบุสาเหตุว่ามีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับบ่อนใหญ่ย่านเตาปูน เชื่อว่าถูกตามเก็บด้วยชนวนเหตุนั้น
ตกเป็นผู้ต้องหาอั้งยี่ ซ่องโจร ข่มขืนใจผู้อื่นกรณีอุ้ม รีดเรียกเงินค่าไถ่ชาวไต้หวัน 2 ล้านดอลล่าร์ท้องที่ สน.ทองหล่อ ส่วนที่เหลือก็ล้วนเป็นข่าวดังอาทิปะทะกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล เมื่อครั้งนายตำรวจดังทำหน้าที่ปราบปราบการพนันสนามแข่งม้า
หรือชนกับพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีต รองผบ.ตร.ขณะกดดัน จับกุมแหล่งขายครีมเถื่อนที่ตลาดแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง
เมื่อฝ่ายรองต่อมีประสบการณ์บนเส้นทางนักเลงอันธพาลมามาก ก็ต้องฟื้นวีรกรรมประวัตืนายชูวิทย์ กันสักหน่อย
นายชูวิทย์ กลายเป็นคนดังต้องเป็นนักแฉสะท้านแผ่นดินก็เพราะเขาเคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐข่มเหงรังแก ย้อนกลับช่วงปี 2545-2546 กิจการอาบ อบ นวดของนายชูวิทย์ กำลังเบ่งบาน หลายคนคงจำกันได้ถึงภาพตู้ยามตำรวจที่มีป้ายเขียนติดไว้ว่าบริจาคโดย มูลนิธิกมลวิศิษฏ์
เรื่องนี้ต่อมากลายเป็นประเด็นฮือฮามากเพราะป้อมตำรวจ หรือตู้ยามตำรวจนี้มีกระจายจำนวนมากในกรุงเทพมหานคร
ความแตกหักที่นายชูวิทย์ ต้องพลิกชีวิตตัวเองมาจากตำรวจใหญ่คนดังมีชื่อรู้กันคือนายพล “จ๊กม๊ก”เกิดเป็นประเด็นกับนายชูวิทย์ เพราะดันไปจับสถานบริการในเครือเสี่ยอ่าง จับไป ไถไป รับแล้วยังจับ จนความอดทนมาถึงที่สุด
นายชูวิทย์ เปิดปากแฉ ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ วันหนึ่งนายชูวิทย์ หายตัวไปอย่างลึกลับก่อนเจ้าตัวจะโผล่ออกมาแล้วจุดประเด็นใหม่ว่าถูกลักพาตัว
ตอนนั้นเดี่ยวโน้ต กำลังดัง กระแสนายชูวิทย์ จุดติดขนาดมีสื่อตาถึง จัดโชว์เดี่ยวชูวิทย์ และเขาจึงโด่งดังกลายเป็นนักแฉหมายเลข 1 ของเมืองไทยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ผลงานแฉของเสี่ยอ่างที่ลือลั่น นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกครั้งหนึ่ง คือกรณีนายประเสริฐ สุขขี หรือ โกลัก นาตารี เจ้าพ่ออาบ อบ นวด อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายชูวิทย์ ถูกชูวิทย์เปิดโปงตามขยี้ จนโกลัก นาตารีพลาดท่าถูกดำเนินคดีข้อหานำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาขายประเวณีต้องหนีคดีหลบๆซ่อนๆนานถึง 5 ปีก่อนถูกจับได้ในที่สุด
คราวนั้นหลายคนมองว่าการออกมาแฉของนายชูวิทย์ มีอะไรอยู่เบิ้องหลัง เกี่ยวกับผลประโยชน์ของธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอยู่หรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้แต่สำหรับนายชูวิทย์ เขายืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะหลังเกิดมรสุมชีวิตช่วงเกิดปัญหากับกลุ่มคนมีสีจนถูกลักพาตัว ถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานาแทบเอาชีวิตไม่รอดนั้น ได้ทยอยขายกิจการอาบ อบ นวด ทั้ง 6 แห่งในเครือเดวิสกรุ๊ป ไปหมดสิ้นแล้ว
หลังสันธนะกับชูวิทย์ปะทะกันที่โรงแรมของชูวิทย์ ในรอบแรก ระฆังยกสองก็ดังขึ้นเมื่อชูวิทย์ บอกว่าชนเป็นชน เพราะเครื่องติดแล้ว พร้อมกับแฉเส้นความเป็นมาของใครบางคน ซึ่งใครเห็นก็คิดว่าเป็นรองต่อ แน่
ศึก”ผีเห็นผี” สงคราม “จอมแฉเจอโคตรแฉ”มีจุดขัดแย้ง อยู่ที่ผับเบบี้เฟซ ที่สันธนะถือหางออกหน้ามารบให้ทุนจีนสีเทา อย่างเต็มที่
ซึ่งกิจการเบบี้เฟซ ของนายเดวิดนั้นถือว่าเป็นสถานบันเทิงที่มีผับต้นแบบอยู่ที่จีน และไต้หวัน ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นคนจีนที่มีฐานะการเงินค่อนข้างดี และเหตุนี้เองเบบี้เฟซ สาขาเอกมัย กรุงเทพมหานครจึงจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ได้เช่นเหล้า ไวน์ บุหรี่จากจีน
แต่ที่เหนือกว่าคือ...ยาเสพติด..ไม่จำเป็นต้องส่งตรงจากจีน แต่หาเอาแถวๆคลองตันนั่นแหละ แค่ปลายจมูกเอกมัย – ทองหล่อ เท่านั้นเอง
อาจเป็นความบังเอิญ หรือบังเอิญที่เหลือเชื่อในวันที่ 2 รองคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราบ ปรากฏตัวพร้อมพล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวน เข้าตรวจสอบผับเบบี้เฟซ เป็นวันสิ้นสุดสัญญาเช่าสถานที่พอดี และมีข่าวว่ากำลังเตรียมย้ายไปเปิดแห่งใหม่โดยกลุ่มนายเดวิด ได้เช่าร้านอาหาร “ครัวคุณหญิง”อยู่ไม่ห่างจากผับเบบี้เฟซ มากนักเปิดรับนักเที่ยวสายเมา ปั๊มเงินให้ทันท่วงที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงจังหวะเหมาะเหม๋งแบบนี้ฝ่ายนายเดวิด ก็พอประเมินสถานกรณ์ได้ว่ามันผิดปกติ...หรือจะมีนักเลงดีแอบตีหน้าแข้งให้กิจการกุมารจีนต้องสะดุด ทั้งการทะลายรังคาราโอเกะแอบแฝง “จินหลิง”ย่านสาทร ยานนาวาและการออกมาแฉโพยแก๊งจีนสีเทาของนายชูวิทย์ หากกลุ่มพวกเขาล้มไปใครจะได้ประโยชน์
ส่วนกิจการโรงแรมของนายชูวิทย์ แม้ไม่เปิดเป็นผับ เป็นบาร์แต่ตอบโจทย์ลูกค้าสายตี๊ดได้ไม่แพ้กัน และดูเหมือนว่าจะได้เปรียบรูปแบบทำมาหากินของแก๊งกุมารจีนเสียอีก กล่าวคือโรงแรมใบอนุญาตประเภท 4 ของนายชูวิทย์ มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน แยกห้องหับจัดปาร์ตี้มิดชิด ที่สำคัญมีข้อได้เปรียบเรื่องกำหนดเวลาบริการ
ทางด้านรองต่อ เท่าที่รู้มีแต่ธุรกิจรับงานอย่างที่ถูกชูวิทย์ขยี้ออกมาแล้ว ดังนั้นเดิมพันย่อมต่างกัน คนหนึ่งมีธุรกิจเห็นชัดจับต้องได้ อีกคนอยู่ในเงามืด โผล่มาเป็นจ๊อบๆ
ชูวิทย์ปะทะสันธนะ ไม่มีใครกลัวกัน จะเป็นศึกลากไส้เบื้องหลังธุรกิจสีเทาให้คนดูระทึกใจแน่
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1