ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “เฮียชู” ใบ้ “ขาใหญ่การเมือง” เอี่ยวทุนจีนสีเทา มีหนาว
เหมือนจะเป็นคำตอบให้กับ “สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตตำรวจสันติบาล ที่มักจะโผล่มาพร้อมกับแสงเวลาที่มีกรณีทลายบ่อน-ธุรกิจสีเทาๆ ซึ่งท้าทาย “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด และนักการเมืองเอาไว้ว่า “จะไปกันให้ถึงที่สุดใช่มั้ย?” เมื่อวันก่อน
ว่าแล้วเมื่อวาน “เฮียชู” ที่ชั่วโมงนี้ขึ้นชื่อเป็น “จอมแฉ” เบอร์ต้นๆ ก็เปิดโรงแรม Davis Hotel Corner Wing ตั้งโต๊ะแฉซีรีส์ “ทุนจีนสีเทา” ภาคสอง หลังจากภาคแรกสั่นสะท้านวงการ จากนั้นก็มีตัวละครอย่าง “สันธนะ” ออกมาปะทะ จนกลายเป็นดรามากลางวงสื่อ
สำหรับกับ “สันธนะ VS ชูวิทย์” คอเผือกโซเชียลฯ ต่างยกให้เป็นมวยถูกคู่ แต่สำหรับกับ “เฮียชู” แล้วบอกว่า เรื่องของ “สันธนะ” เป็นแค่เรื่อง “ไร้สาระ” เรียกว่า ไม่ให้ค่าให้ราคากันเลยทีเดียว
กรณีที่ “สันธนะ” บอกว่ารู้จักกับ “5 เสือมาเฟีย” ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาดี นั้นแล้วออกมาโหวกเหวกโวยวาย “เฮียชู” ฟาดกลับเบาๆ ว่า อดีตนายตำรวจคนนี้น่าจะสูญเสียผลประโยชน์ทำให้ต้องออกมาตีโพยตีพาย ส่วนประวัติของ “สันธนะ” เป็นอย่างไร ต้องโทรศัพท์ถามจากตำรวจด้วยกันเองก็จะรู้จักดี ซึ่งขณะตัวเองเริ่มทำธุรกิจอาบอบนวดแรกๆ สันธนะ ยังเป็นตำรวจเด็กเมื่อวานซืน เข้ามาตีสนิท หลังจากนั้น ก็ออกจากตำรวจ มักจะข้องแวะกับบุคคลเทาๆ รับออกหน้าแทนให้ ชนดะ แต่ “เฮียชู” แซะว่า พอเข้าแก๊งไหน หัวหน้าตายแก๊งนั้น หรือไม่ก็ติดคุก ดูตัวอย่างเช่น “หลงจู๊สมชาย-เสี่ยโป้” นั่นปะไร
เรียกว่า ที่ “สันธนะ”กล่าวหา “เฮียชู” ทำธุรกิจผิดกฎหมายเมื่อไม่กี่วันก่อนถูกชูวิทย์ย้อนคืน ฟาดทบต้นทบดอก ทำคนดูซู้ดปากด้วยความดุเด็ดเผ็ดมันในการแถลงข่าวคราวนี้
นอกจากจะเอาคืนอดีตตำรวจนครบาล ที่ผันตัวเองเป็น “ตัวชน” งานนี้ ชูวิทย์ เข้าประเด็น “สตอรี่” วิธีการทำธุรกิจของทุนจีนที่ฟังแล้วก็ให้รู้สึกถึงภัยคุกคามในรูปแบบอาชญากรรมทางธุรกิจที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยแฉว่า กลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจสีเทา 5 กลุ่ม ที่ “สันธนะ” อ้างว่ารู้จักนั้น กระจายการลงทุนอยู่ในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว และ ไทย เพื่อฟอกเงิน เนื่องจากรัฐบาลจีน ปราบปรามการทุจริตอย่างหนัก โดยในเวียดนาม และกัมพูชา เช่น สีหนุวิลล์ ต่างมีราคาที่ดินสูงขึ้นมหาศาล เฉพาะบ่อนพนันออนไลน์เดือนเดียวได้กำไรเหนาะๆ ต้องมี 2,000 ล้านบาท
ขณะที่อีกกลุ่มเป็นชาวจีน “ใส่สูทปล้น” เป็นกลุ่มบริษัทและโรงงานจีนในไทย ซึ่ง “เฮียชู” เรียกว่า “กลุ่มบริษัทศูนย์เหรียญ” เหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญและผับศูนย์เหรียญ ที่ตำรวจเพิ่งปราบไป
กลุ่มนี้เป็นเหมือนเพลี้ยที่เข้าไปสูบทรัพยากรจนแห้ง เมื่อไร้ผลประโยชน์ก็บินไปที่อื่น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ มี 2 กลุ่ม คือ บริษัทไทย กฎหมายกำหนดให้มีสัดส่วนคนไทยถือหุ้น 51% และบริษัทต่างชาติ ให้ถือหุ้นในสัดส่วน 49%
ยกตัวอย่าง บริษัทอักษรย่อ H กรุ๊ป (ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อปี 2543 ทุนเริ่มต้น 20 ล้านบาท และยังมีผู้ถือหุ้นชาวไทย แต่ปัจจุบันกลับเป็นชาวต่างชาติ ถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ และทุนจดทะเบียนกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทนี้ เพิ่งประมูลงานติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าของรัฐ ด้วยงบ 1,500 ล้านบาท และจะสั่งซื้อสินค้ามาจากจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะไม่รับรู้ ไม่ได้
“ชูวิทย์” บอกว่า ข้อมูลที่มีจะส่งไปให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จัดการสืบสาวต่อไป ซึ่งต้องบอกว่า มาถึงตอนนี้ตำรวจขยายผลจากการเข้าทลายบ่อน บาร์ ปารตี้ยาย่านยานนาวา ที่เป็นข่าวใหญ่ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนแบบจัดหนักจัดเต็ม โดยข้อมูลที่ตำรวจมียอมรับว่าตรงกับที่ชูวิทย์มีเช่นกัน
งานนี้หากจัดการถอนรากถอนโคนเครือข่ายธุรกิจสีเทาของทุนจีนได้ จะถือเป็นผลงาน “โบแดง” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุคของ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เลย ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อเจอ “ตอ” แล้วจะขุดด้วยเลยมั้ย เพราะต้องไม่ลืมว่า “กลุ่มมาเฟียทุนจีนสีเทา” เชื่อมต่อติดสินบนส่งส่วยให้กับคนทุกระดับ ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง คนมีสี ไปจนถึง ผู้มากบารมี
ส่วนตัว “เฮียชู” บอกใบ้เอาไว้ว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ อาจมีหมายจับ “ขาใหญ่” ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ส่วนจะเป็นใคร? เป็นคนที่สังคมรู้จักกันดีหรือไม่? เฮียชู ยังไม่บอก แต่ยืนยันว่า หนาวแน่!!
แน่นอนว่า จะเป็นใครก็ตาม คนๆ นี้ย่อมไม่ธรรมดา หรือว่าจะเป็นขาใหญ่ที่รู้กันในวงการสีเทา ว่า สนิทชิดเชื้อกับ เจ้าของผับศูนย์เหรียญที่ถูกทลายไป หากว่าเป็นคนเดียวกัน ก็ต้องบอกว่า งานนี้ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม !!
ว่ากันว่า ที่ผ่านมา “ขาใหญ่” การเมืองรายนี้ เป็นทั้งหุ้นส่วน รับผลประโยชน์กับชาวจีนกลุ่มนี้ หลากหลายธุรกิจ แม้แต่ธุรกิจ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” “พนันออนไลน์” ในไทยไปจนถึง คอยปัดคอยเป่าคดี คอยช่วยเหลือทุนจีนสีเทาในทุกรูปแบบ เขาคนนี้หน้าฉากเป็นผู้ทรงเกียรติ แต่หลังฉากทำตัวน่ารังเกียจ ร่ำรวยอู้ฟู่ มีทุนมาเล่นการเมืองสร้างอิทธิพลจนมาเฟียเรียกพี่
ถึงเวลาหรือยังที่เขาต้องชดใช้กรรม เป็นคำถามที่ “บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กเด่น” ต้องให้คำตอบกับสังคม
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องติดตามกันอย่ากะพริบตา!!
**ลุงตู่พูดครั้งที่ร้อย... ผมกับพี่ป้อม ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ไม่ได้ทะเลาะกันอยู่แล้ว!!
เพราะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่พูดเรื่องการเมืองของตัวเอง ว่าจะเอายังไง... จะเดินหน้าต่อ เพราะมีโควตานายกฯ เหลืออีก 2 ปี หรือจะพอแค่หมดสมัยนี้
ถ้าไปต่อ จะเข้าเป็นสมาชิกพรรคและเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” เป็นหัวหน้าอยู่หรือไม่ หรือจะไปเป็นแคนดิเดตนายกฯของ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคอยู่
เมื่อยังอึมครึมอย่างนี้ จึงมีการพูดกันหนาหูว่า “ลุงตู่” มีแนวโน้มจะไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ!!
วันก่อน “ลุงป้อม” คงทนความอึดอัด ขัดข้องไม่ไหว เลยออกมาเคลียร์คัต ตัดจบ ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับ “ลุงตู่” คงต้องไปถามเจ้าตัว... เมื่อถูกถามว่าทำไมยังไม่คุย “ลุงป้อม” บอกว่า “ก็มาเป็นผมสิ”...เมื่อถามว่า 3ป. จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ “ลุงป้อม” บอกว่า ไม่รู้ ไม่แยกหรอก จะไปแยกได้อย่างไร สนิทกันมาตั้ง 40-50 ปี
แต่ถ้าจะไปก็ไม่ห้าม หรือจะมี ส.ส.ของพรรคตามไปด้วย ก็ไม่ห้าม ไม่ห้ามใครทั้งนั้น ไปเลยจะไปไหนก็ไป ไม่ว่าอะไร ใครอยากจะไปไหนก็ไป เป็นเรื่องของส่วนบุคคล
ชัดที่สุดแล้วสำหรับคำพูดของ “ลุงป้อม” ในครั้งนี้
ถัดมาเช้าวันประชุม ครม. “ลุงตู่” ก็ยังคงไม่ตอบเรื่องการเมือง บอกว่า “ไม่ตอบใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ตอบ”
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงที่ “ลุงตู่” เดินลงมาจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปประชุมที่ตึกสันติไมตรี นั้น “พีระพันธุ์” ได้เดินขนาบข้าง “ลุงตู่” ลงมาด้วย
“พีระพันธุ์” ยังพูดถึงกระแสข่าวที่ “ลุงตู่” จะไปอยู่ด้วยว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้พูดคุย เพราะตอนนี้ “ลุงตู่” กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมประชุมเอเปก เรื่องแบบนี้ต้องให้ “ลุงตู่” เป็นคนพูดเอง ...แต่ถ้าจะมาร่วมกับพรรครวมไทยรักษาชาติ ก็เป็นเรื่องดี เพราะ “ลุงตู่” อยู่ที่ไหนก็ดีกับที่นั่น และเราก็พร้อมต้อนรับ
จากนั้น “พีระพันธุ์” ก็ไปประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อจัดทัพเตรียมรับศึกเลือกตั้ง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก หลายคนพูดกันแบบไม่อ้อมค้อมว่า “ลุงตู่” มาแน่ แม้จะไม่ได้มาเป็นสมาชิกพรรค แต่มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็สุดยอดแล้ว ...เช่นเดียวกับ “พีระพันธุ์” ที่พูดกับลูกพรรคว่า พรรคเราดูดี ดูแล้วมีอนาคตที่ดี และตอนนี้ยิ่งดูดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน “ลุงตู่” ก็พูดในช่วงท้ายการประชุม ครม.ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันทำงาน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้ว และยังออกปากปรามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ขัดแย้งกันเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้หยุดๆ พักๆ เรื่องนี้กันไปก่อน
และยังกล่าวทิ้งท้ายในเรื่องของตัวเองว่า “ผมกับพี่ป้อม ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ไม่ได้ทะเลาะกันอยู่แล้ว และไม่ได้เครียด เป็นพี่น้องกัน ตัดกันไม่ขาด”
แน่นอนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่อยู่กันมา 40-50 ปีนั้นตัดกันไม่ขาด แต่วิถีการเมืองอาจทำให้ต้องแยกจากกันชั่วคราว นั่นมันอีกเรื่อง