ข่าวปนคน คนปนข่าว
**น.1 จุก! เจอ “อาเฮ้า” เจ้าเก่าจากทุนบ่อนหรู มาสู่ทุนปาร์ตี้ยาอี “ผับศูนย์เหรียญ” เจ้าพ่อเมืองหลวงคุ้มครอง
“อาเฮ้า” เอาอีกแล้ว!!?? นายทุนใหญ่คาราโอเกะ “หูหนาน” พลิกตำนาน “โอเกะกาสิโน” สู่ “โอเกะปาร์ตี้ยา”
จั่วหัวมาต้องบอกว่า เป็นผลพวงเกี่ยวพันกับคำสั่ง “เด้ง” ผกก.ยานนาวา เซ่นพิษกรณีตำรวจนครบาลเข้าตรวจ “ผับลับคนจีน” เปิดเกินเวลา เจอยาเสพติด ปล่อยให้นักเที่ยวมั่วสุมเสพยา เมื่อวันก่อนนั่นเอง
เรื่องนี้ถือเป็นปฏิบัติการ “ปัดกวาดบ้านเรือนตัวเอง” ของ “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และดูเหมือนว่าจะเป็นการเปิดตัว “เชือดไก่นอกคอก” ให้ลิงดูเป็นรายแรกเสียด้วย หลังปฏิบัติการเข้าตรวจ “หูหนาน” คาราโอเกะนักเที่ยวชาวจีน ย่านสาทร เขตยานนาวา กทม. มีการจับกุมไฮโซจีนกว่า 200 คน ขณะมั่วสุมเสพยา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (26 ต.ค.)
ที่สุดก็มีคำสั่งจาก กองบังคับการ 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล สั่งย้าย “พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี” ผกก.สน.ยานนาวา โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมไปประจำ ศปก.น.6 เพื่อรอชี้ความบกพร่องจากกรณีปล่อยปละละเลยให้เปิดสถานบริการมั่วสุมยาเสพติดขนาดใหญ่ในพื้นที่
แน่นอนว่า ข่าวแวดวงสีเทาโดยมีทุนจีนอยู่เบื้องหลัง บรรดากูรูขาประจำต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มรายละเอียดที่ไม่ปรากฏเป็นข่าว เช่น “เฮียชู” เพจชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์หัวข้อ “ทุนจีนสีเทาทะลัก” เนื้อหาสรุปได้ว่า การจับกุมปาร์ตี้ยานนาวา ได้นักเที่ยวชาวจีนกว่า 200 ชีวิต และรถหรูกว่า 30 คันนั้น วงการสีเทา ผับ บ่อน เขารู้กันมานานแล้ว
“ผมเรียกผับประเภทนี้ว่า ผับศูนย์เหรียญ คือ เจ้าของเป็นคนจีน เหล้ายามาจากจีน ทุกอย่างมาจากจีนหมด เหลือเด็กเฝ้ารถเท่านั้น ที่มาจากชุมชนแถวยานนาวา ที่เป็นลูกหลานคนไทย ได้กินเศษเงิน ดูไม่จืดจริงๆ แถมมีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ประเทศจีนยังไม่เปิด แต่เป็นพวกจีนสีเทาที่ปักหลักอยู่ไทย มีมากแถวสุทธิสาร ห้วยขวาง รัชดาฯ พระราม 3”
เพจชูวิทย์ ระบุด้วยว่า...ขอกระซิบประเภทเทาๆ แถวสุทธิสาร เขามีมากล้น ตัวจี๊ดแปะป้ายจีนประกาศศักดาอยู่หน้าตึก เข้าไปในซอยก่อนถึงแยกห้วยขวาง มีทั้งคาราโอเกะและบ่อนจีนตามสูตร รถซูเปอร์คาร์จอดเป็นตับ นึกว่าหลงเดินอยู่แถวเสิ่นเจิ้น...ตอนนี้สุทธิสารเขาฮอตสุดๆ เพราะจีนแยะ มีครบวงจรอบายมุขจีน ทุนหนา จ่ายทุกอย่างที่ขวางหน้า
“ท่าน ผบ.ตร.คนใหม่ ช่วยดูแลหน่อยเถอะ หากอยากจะโชว์ผลงานช่วยรัฐบาล “ลดความเหลื่อมล้ำ” ทุนไทยไหนจะสู้ทุนจีนได้ ค่าเงินบาทก็อ่อนปวกเปียก ลูกน้องท่านก็หลงใหล เพลิดเพลินกับอาตี๋ อาหมวยอยู่ ส่วนอาเฮียใจถึง เปย์ไม่อั้นแบบนี้ตำรวจไทยหลงตายเลย... แต่หัดเกรงใจเจ้าถิ่นคนไทยกันบ้าง แบ่งๆ กันกิน”
ฟังว่า สำหรับคาราโอเกะดังกล่าวเคยถูกดัดแปลงเปิดเป็นบ่อนพนัน ทราบกันในแวดวง ว่า มี “อาห่าว” หรือ “อาเฮ้า” หรือ “ตู้ฮ่าว” หลานเขยอดีตนายตำรวจใหญ่ ยศ พล.ต.อ.เป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง!
ช่วงเฟื่องฟูสุดขีด สามารถนำนักท่องเที่ยวจากจีนที่เดินทางมายังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถลงจากเครื่องใช้บริการพิเศษตรวจหนังสือเดินทางโดยไม่ต้องผ่านช่องตรวจปกติ จากนั้นจะมีรถหรูรับจากสนามบินมาส่งถึงบ่อน
นอกจากมีอดีตนายตำรวจใหญ่เป็นยันต์ปัดเป่าเจ้าหน้าที่ ความอหังการของ “อาเฮ้า” เป็นที่เลื่องลือว่า เขาถือว่ามีสัมพันธ์ที่ดีกับ “ร้อยเอกชื่อดัง” ในแวดวงการเมือง พะยี่ห้อที่แทบไม่ต้องให้สาธยายเพิ่มว่า “บิ๊กเบิ้ม” แค่ไหน ในยุทธจักรวงการสีเทา ขนาด “เฮียชู” ยกให้เป็น “เจ้าพ่อเมืองหลวง” นักการเมืองใหญ่ให้ความคุ้มครอง หาเงินส่งกลุ่มใช้ในการเลือกตั้ง !!
“อาเฮ้า” ใช้คอนเนกชันนี้ กับรู้เช่นเห็นชาติจุดอ่อนของเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้เงินง้างได้ทุกอย่าง “จ้างผีโม่แป้ง” ได้ตลอดเวลา ต่อมาเมื่อบ่อนพนันแห่งนี้ได้ปิดไปแล้ว แต่ยังคงใช้อิทธิพลการเงิน เส้นสาย เปิดบ่อนให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ใน กทม. ถ้ายังจำกันได้ก็ล่าสุดที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ตำรวจ 191 บุกจับบ่อนซึ่งเป็นโต๊ะสนุ้กเก่า แต่ตกแต่งอย่างหรูหราในซอยรัชดา 18 สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันฐานบ่อนพนันของทุนจีน ได้ย้ายไปอยู่ จ.สมุทรปราการ พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 1
เรียกว่า คราวที่แล้วโดนถล่มบ่อนรัชดา ซอย 18 ยังไม่เข็ด “อาเฮ้า” ออกอาละวาด ใช้เงินฟาดหัวเดินสายเย้ยผู้รักษากฎหมายทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล กล้าท้ากฎหมายไทยเปิดบ่อนใหญ่อยู่สมุทรปราการ เต้นอยู่รอบๆ นครบาล
ฟังว่า “ชูวิทย์” มีข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการนายทุนจีนสีเทา และคนรับเงินผลประโยชน์ ที่ตำรวจต้องรู้ไว้ เพื่อปราบปราม โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวให้แก่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมกับโทรศัพท์ถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อขอให้ช่วยปราบปรามกลุ่มนายทุนจีนธุรกิจสีเทา ซึ่ง รอง ผบ.ตร. ตอบรับ ยินดีนำข้อมูลของเฮียชู ไปตรวจสอบ และยืนยันจะดำเนินการปราบปรามต่อไป
งานนี้จึงท้าทาย น.1 และ ปทุมวัน ว่า เจอจุกๆ แบบนี้ จะถอนรากถอนโคน “ทุนจีนสีเทา” รายนี้ได้แค่ไหน
นี่ถ้าปล่อยไปถึงรอนักเที่ยวจีนกลับมา เครือข่าย “อาเฮ้า” ด้วยการสนับสนุนลับๆ ของ “ขาใหญ่” ที่มีบารมีการเมืองห่มคลุม ไม่อยากจะคิดว่า จะติดปีกลอยลมบนขยายกิจการกันเพียงใด ...ยังไงๆ ก็ต้องฝาก “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” ไปจนถึง “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จัดหนักจัดเต็มกลุ่มสีเทาเหล่านี้ ถ้าทำได้จะเรียกศรัทธาจากสังคมได้จมเลยท่าน
**“อนุทิน” ซัดการเมืองกลัวนโยบายภูมิใจไทย ตั้งธงยื้อ พ.ร.บ.กัญชา ทั้งที่สังคมอยากให้สภาพิจารณาเร็วที่สุด
สมัยประชุมสภาที่แล้ว หลังจาก ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ได้ผ่านวาระรับหลักการ มีการตั้ง กมธ.วิสามัญ ขึ้นมาพิจารณาจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวาระ 2- 3 ช่วงนั้นใครๆ ก็คาดว่า คงผ่านฉลุย เพราะในวาระ 1 ได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นซีกฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล กันอย่างท่วมท้น
แต่แล้วก็เกิดสะดุดขึ้นจนได้ เมื่อ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการถอน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ออกไปพิจารณาให้รอบคอบก่อน อ้างว่า มีการเพิ่มเนื้อหาเข้ามาเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่มีแค่ 45 มาตรา แต่คณะ กมธ.ปรับแก้เพิ่มเป็น 95 มาตรา ถ้าไม่ถอนออกไปแก้ไขปรับปรุงให้รอบคอบ ก็เสี่ยงที่จะถูกคว่ำใน วาระ 2-3 ได้
และในที่ประชุมในวันนั้น (14 ก.ย.) ได้มีการลงมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ออกจากวาระการประชุมสภา ด้วยเสียงข้างมาก 198 เสียง ต่อ136 เสียง งดออกเสียง12 เสียง ตรวจดูแล้ว ส.ส.ที่โหวตให้ถอนร่าง มาจากพรรคเพื่อไทย, ประชาธิปัตย์, พลังประชารัฐ, ชาติไทยพัฒนา, เสรีรวมไทย และ ประชาชาติ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ตอนนั้น ชี้เปรี้ยงว่าเป็นการเล่นเกม “เตะตัดขา” ภูมิใจไทย ...เพราะถ้า ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ผ่านสภา มีผลบังคับใช้ ก็จะเป็นคุณกับพรรคภูมิใจไทยในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป ... แบบนี้ประชาธิปัตย์ยอมไม่ได้!!
“ภูมิใจไทย” ต้องอมเลือด รอเปิดสภาครั้งใหม่ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย.นี้ แล้วลุ้นว่า ร่าง พ.ร.บ.กัญชา จะได้รับการบรรจุเข้าพิจารณาหรือไม่ ที่สำคัญคือ สมัยประชุมนี้เป็นสมัยประชุมสุดท้ายของสภาชุดนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่
ต้องจับตาว่า ร่าง พ.ร.บ.กัญชา จะได้รับการพิจารณาใน วาระ 2-3 หรือไม่ ถ้ามีการพิจารณา แล้วจะผ่านหรือไม่ หรือจะถูกปล่อยให้ค้างเติ่งไว้อย่างนี้จนหมดวาระสภา
“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้าของนโยบาย “กัญชาเพื่อการแพทย์” บอกว่า ร่างกฎหมายผ่านวาระรับหลักการ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. จากนั้นตั้ง กมธ.ขึ้นมา ประกอบด้วย ตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการประจำ ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยพิจารณาให้กฎหมายดียิ่งขึ้นอีก จากตอนแรกมี 45 มาตรา ก็ขยายไป 90 กว่ามาตรา ที่เพิ่มมาก็เป็นข้อเสนอของพรรคอื่นๆ ทั้งนั้น ...
พรรคที่บอกว่ากังวลเรื่องเยาวชนเข้าถึง ก็เติมเรื่องนั้นเข้ามา มีกฎกรอบมากมายมาคุม จนผ่านความเห็นชอบของ กมธ. ซึ่งตอนนี้ไม่ถือว่าเป็นร่างของพรรคภูมิใจไทยแล้ว เป็นร่างของผู้แทนราษฎร แต่การที่มาคว่ำกันกลางสภา เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองทั้งนั้น!!
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนโยบายกัญชา โดนใจประชาชน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่ ภูมิใจไทย หาเสียงไว้ ทำได้จริง พูดแล้วทำ ทำแล้วสำเร็จ มันถูกใจประชาชน มันก็เลยต้องมา “เจาะยาง” กัน
“อนุทิน” ยังบอกว่า ในชั้น กมธ. พรรคประชาธิปัตย์ มี “อ.กนก วงษ์ตะหง่าน” มาเป็น กมธ. ยังเสนอว่า มันต้องมีเรื่อง “นันทนาการ” ด้วย เพียงแต่ต้องควบคุม เรื่องเวลา เรื่องพื้นที่ มีการขออนุญาต แต่ใน กมธ.บอกว่าไม่ได้ เพราะมันเพิ่งออกมาจากยาเสพติด ต้องขอให้ประชาชนมั่นใจก่อน “อ.กนก” ก็รับฟัง เห็นด้วย เมื่อสมบูรณ์ ผ่าน กมธ.จากทุกพรรค ก็นำเรื่องเข้าสภา บรรจุเป็นวาระที่ 2
แต่ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” จากประชาธิปัตย์ กลับมากังวล แม้แต่บทนำท่านก็ไม่อ่าน แล้วมาบอกว่า กฎหมายหละหลวม ส่วน “สุทิน คลังแสง” จากพรรคเพื่อไทย บอกว่าที่ตอนนั้นรับหลักการ เพราะรับใน 45 มาตรา ท่านไม่ได้รับ 90 มาตรา ... สรุปว่า ตอนเป็น 45 มาตรา ของพรรคเรา ท่านก็รับ แต่พอทำให้ดีขึ้น มาจากทุกพรรคช่วยกันคิด ช่วยกันเขียน ท่านไม่รับ อย่างนั้นหรือ?
“มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เป็นการพยายามเอาสีข้างเข้าถู คนเหล่านั้นไม่ได้ทำกฎหมาย เหมือนกับว่ามีธงแล้ว ไม่ให้ผ่าน ก็พูดไปเรื่อย” อนุทิน กล่าวอย่างเหลืออด ที่ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ถูกนำมาเล่นเกมการเมือง ทั้งที่สังคมกำลังเป็นห่วงต่อการควบคุมกัญชาในช่วงสุญญากาศ และสภาควรพิจารณาให้เร็วที่สุด