xs
xsm
sm
md
lg

“ทนายเดชา” ลั่นจะฟ้องกลับ “เต้” ทุกคดีให้ตกเก้าอี้ ส.ส.ห่วง “แม่แตงโม” สับสนหลงเชื่อผิดคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ทนายเดชา” เผย เตรียมฟ้องสวนกลับ “เต้ มงคลกิตติ์” ทุกคดี ยืนยันจะตอบโต้จนกว่าจะหลุดพ้นจากเก้าอี้ ส.ส. พร้อมห่วงแม่แตงโมอาจสับสนไปหลงเชื่อผิดคน

วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา เปิดเผยกรณี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ ส.ส.เต้ จะเดินทางไปเเจ้งความความตนเองที่ สน.บางโพ ดำเนินคดี ตาม มาตรา 328 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 309 ข่มขืนใจผู้อื่น มาตรา 392 ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ และผิดมรรยาททนายความ ว่า พฤติกรรมของ นายมงคลกิตติ์ เป็นการรังเเกประชาชน ไม่เหมาะสมที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีวันที่ตนไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ที่พูดว่า “ศพต่อไปคือนายมงคลกิตติ์ เตรียมเผาได้เลย” นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่า เเต่เป็นคำพูดเปรียบเทียบ ความหมายคือประหารชีวิตทางการเมือง เพราะกรรมาธิการของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นมือสังหาร ส.ส.ทางจริยธรรม ดังนั้น หากนายมงคลกิตติ์จะเเจ้งความตน ตนก็จะร้องจริยธรรมเพิ่ม ให้หลุดจากตำเเหน่ง ส.ส.เร็วขึ้น

ส่วนกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ เเถลงข่าวว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นการช่วยเหลือประชาชน เท่าที่ดู ตนเห็นว่า นายมงคลกิตติ์ กำลังช่วยนางภนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ เเตงโม เพียงคนเดียว ทั้งที่ประชาชนมีเยอะเเยะ ตนเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง นายมงคลกิตติ์ ต้องดูเเลอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่รังเเกประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกพรรคไปเเจ้งความตนที่ต่างจังหวัด ตนรู้สึกหวาดกลัวมาก อยากจะร้องไห้ นอกจากนี้ ตนได้ประสานสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ เรื่องการดูแลความปลอดภัย เพราะรู้สึกกังวล กลัวไปหมด ขนาดสุนัขที่บ้านก็ยังกลัว เเค่ได้ยินชื่อ ส.ส. สุนัขที่บ้านก็เห่าไม่หยุด

นายเดชา กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้หมิ่นประมาทนายมงคลกิตติ์แต่อย่างใด แต่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพราะนายมงคลกิตติ์เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นบุคคลทางการเมือง สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เมื่อพูดว่าเป็นคดีฆาตกรรม แต่ไม่มีหลักฐานมาเปิด ตนก็มองเป็นเรื่องตลก ซึ่งไม่มีความผิด ส่วนหากจะมาข่มขู่ให้ตนหยุดวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะถือเป็นการข่มขู่ประชาชน ซึ่งตนก็จะดำเนินคดีอีก แม้ตนเคยบอกไปแล้วว่าจะไม่วิพากษ์วิจารณ์คดีแตงโมอีก แต่เมื่อมีประชาชน มีผู้สื่อข่าวมาสอบถาม ตนก็ต้องพูดเพราะถือว่าเป็นการให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้ง นายมงคลกิตติ์ ก็ไม่ใช่พ่อของตนที่จะมาห้ามไม่ให้ตนพูดได้


นายเดชา กล่าวอีกว่า คดีแตงโม คืบหน้าและจบไปแล้ว ซึ่งวันที่ 23 มิถุนายนนี้ อัยการก็จะสั่งฟ้องแล้ว เเต่คดีแตงโมที่นายมงคลกิตติ์ กำลังทำอยู่ ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน มีเพียงการให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งในโลกความเป็นจริง การต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมของนายมงคลกิตติ์ยังไม่เริ่ม เเต่ในสื่อสังคมออนไลน์ได้ตัดสินคณะนายมงคลกิตติ์ ชนะคดีไปแล้ว การที่แจ้งความหรือตอบโต้กันไปมา เป็นการรักษาสิทธิของตนเอง ยืนยันว่า จะตอบโต้นายมงคลกิตติ์จนถึงที่สุด จนกว่าจะหลุดพ้นจากเก้าอี้ ส.ส.

ส่วนการที่ นายมงคลกิตติ์ เปิดประเด็นใหม่อีกว่า ได้ปรึกษากับนางภนิดาและจะมีการเปิดสภาพศพของแตงโม เพื่อให้เห็นความผิดปกตินั้น ตนได้ทำคดีเกี่ยวกับการฆ่าคนตายมาเยอะ ไม่เคยเห็นใครที่เป็นพ่อเป็นแม่หรือที่ปรึกษากฎหมายนำภาพผู้ตายมาแถลงข่าวเพราะเป็นถือเป็นการกระทำละเมิดซ้ำ เป็นการทำร้ายซ้ำสอง และอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 366/4 ดูหมิ่นเหยียดหยามศพหรือไม่ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำภาพอันไม่เหมาะสมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หากภาพศพดังกล่าวสามารถเปลี่ยนคดีว่าเป็นฆาตกรรมจริง ควรเอาไปเปิดในชั้นศาล ไม่ควรนำมาเเถลงข่าว เเต่สิ่งที่ควรทำมาเปิดเผยต่อสาธาณะ คือ หลักฐานที่กล่าวอ้างว่าเเตงโมถูกฆาตกรรม เพราะสังคมรอดูหลักฐานชิ้นนี้มานานเเล้ว

ส่วนกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ เเละคณะ จะมีการประชุมเรื่องการร่างคำฟ้องต่อศาลนั้น ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงนางภนิดา เพราะหากฟ้องเองโดยตรง จะมีผลเสียมากกว่า เพราะเป็นการฟ้องข้อหาที่ขัดกับข้อหาของอัยการ โดยอัยการจะยื่นฟ้องในวันที่ 23 มิถุนายน ในข้อหากระทำการโดยประมาทฯ เเต่นางพนิดาจะยื่นฟ้องในวันที่ 18 มิถุนายน ในข้อหาเจตนาฆ่า ซึ่งขัดกัน ดังนั้นนางพนิดาจะไม่สามารถเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ ต้องไปเป็นโจทก์คดีเจตนาฆ่าเท่านั้น หากจะยกคดีในอดีต ที่ผู้เสียหายมีการฟ้องเองมาเปรียบเทียบ อย่างคดี “หมอผัสพร” นั้น คดีเเตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะขณะนั้นอัยการรอเอกสารบางอย่างเพิ่มเติม ซึ่งทางพ่อของหมอผัสพร ยื่นฟ้องข้อหาเดียวกับอัยการคือฆ่าคนตาย คดีจึงสอดคล้องเเละเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในคดีเเตงโมนั้นขัดแย้งกัน อัยการฟ้องประมาท แต่นางพนิดาจะฟ้องเจตนาฆ่า ซึ่งหากศาลมีคำพิพากษาในคดีประมาทที่อัยการสั่งฟ้องเเล้ว คดีที่นางภนิดาฟ้องเองก็ไม่เกิดประโยชน์ จึงฝากถึงทีมกฎหมายของนายมงคลกิตติ์ ให้ข้อมูลเรื่องนี้ด้วย อย่าหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชน

นายเดชา กล่าวอีกว่า การที่มีหลักฐานมาเพิ่ม เช่น กรณีที่บังแจ็คส่งผ้าคาดเอวของแตงโมมาที่ไทยนั้น เป็นไปไม่ได้ที่อัยการจะเปลี่ยนข้อหา เพราะคดีจบแล้ว การส่งหลักฐานของบังแจ๊คต้องมีกระบวนการสอบที่มาที่ไปจากต่างประเทศก่อน พยานหลักฐานที่อยู่ในต่างประเทศก่อนจะเข้าสู่สำนวนต่องผ่านอัยการฝั่งสหรัฐอเมริกาก่อน และต้องใช้เวลาสัก 2-3 ปีกว่าจะเสร็จ ซึ่งถึงตอนนั้นคดีก็ตัดสินไปแล้ว

ส่วน นางภนิดา ก็ยังรักเหมือนเดิม ตอนนี้อาจจะสับสน เพราะไปคุยกับวิศวกร แทนที่จะไปคุยกับนักกฎหมาย ตนยังคงรักและเป็นห่วงเสมอ ชั่วนิรันดร์ หากกลับมาขอความช่วยเหลือก็ยินดี และไม่ติดใจหากจะรับเป็นลูกความใหม่อีกครั้ง ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ นางภนิดาก็ไม่ได้สงสัยว่าเป็นการฆาตกรรม แต่หลังจากที่ไปร่วมทีมกับคณะวิศวกร อาจถูกชักจูงให้คิดเป็นเช่นนั้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น