โฆษก บช.น.ชี้แจงคดี นายปริญญ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. ลวนลามข่มขืนหญิงสาว เหยื่อคดีบางรายอาจหมดอายุความ หากแจ้งความเท็จจะมีความผิด ยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ สน.ปทุมวัน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลวนลามล่วงละเมิดข่มขืนหญิงสาวหลายราย ว่า ขณะนี้มีคดีทั้งหมด 14 คดี แบ่งเป็นพื้นที่นครบาล 12 คดี จังหวัดเพชรบุรี 1 คดี และเชียงใหม่ 1 คดี ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบคำและรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากบางเรื่องอาจหมดอายุความการร้องทุกข์ ที่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ หลังจากรู้เหตุ รู้ตัวบุคคลโดยต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน และบางความผิดที่เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ หากเป็นคดีอาญาแผ่นดินต้องดูจากอายุความ เช่น คดีอนาจาร มีโทษไม่เกิน 10 ปี แต่อายุความไม่เกิน 15 ปี ดังนั้น หากเหตุเกิดปี 2562 ก็ถือว่ายังไม่ขาดอายุความ ซึ่งต้องดูว่าหลักฐานจากผู้เสียหายที่มาแจ้งความนั้น เป็นความผิดอะไร หากหมดอายุความตามที่กล่าวมานั้น จะถือว่าหมดอายุความตามตัวบทกฎหมาย แต่เรื่องที่เป็นอาญาแผ่นดินก็จะต้องดำเนินตามกฎหมาย
พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยอีกว่า ผู้เสียหายที่มาแจ้งใหม่ทั้ง 9 คดี ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานฐานดูว่าเป็นความผิดใดบ้าง ส่วนเรื่องที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม กังวลว่า อาจมีผู้เสียหายบางรายมาแจ้งความเท็จ ขอให้ผู้ที่จะมาแจ้งไตร่ตรองให้ดี เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาแจ้งความเท็จและอาจจะถูกคู่กรณีฟ้องที่ทำให้เกิดความเสียหายอีกด้วยส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและตามกฎหมาย โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยอิงจากพยานหลักฐานเป็นหลักอีกด้วย