“เจี๊ยบ-อมรัตน์” ส.ส.ก้าวไกล งง “คลิปเสียงนาย ป.” พาดพิงพรรคก้าวไกล “อดีต หน.ศรภ.” ให้จับตา ใครจะเป็นรายต่อไป? ไม่ใช่ “ปริญญ์” คนเดียว เชื่อ “เกมโหด” “พี่ศรี” จี้เลขาฯ กกต. สั่ง ปชป.จัดการตามข้อบังคับเด็ดขาด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 เม.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้นำคลิปเสียงสนทนาระหว่างหญิงสาวที่อ้างว่าเป็น 1 ในเหยื่อที่ถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองล่วงละเมิดทางเพศ
โดยในตอนหนึ่ง มีการพูดพาดพิงว่า พรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลัง ล่าสุด มีสมาชิกพรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความเห็น อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ความเห็นส่วนตัวกรณีคลิปเสียงนาย ป.พาดพิงพรรคก้าวไกล
1. จากคลิปเสียงยังไม่มีการยืนยันว่าผู้พูดเป็นใคร เบื้องต้นเพียงแค่ฟังแล้วรู้สึกงงที่ถูกนำไปเชื่อมโยง แต่ยังไม่มีความเห็นอื่นใด
คิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะโวยวายเหวี่ยงอะไรกับใคร
(เวลาขณะให้สัมภาษณ์ เช้าวันที่ 18 เม.ย. 65)
2. หากเป็นเสียงนาย ป.จริง ผู้พูดก็ควรรับผิดชอบชี้แจงแสดงพยานหลักฐานออกมา และต้องรับผิดชอบในส่วนพาดพิงให้เสียหายไม่ใช่มากล่าวหาลอยๆ
เพราะก้าวไกลเป็นพรรคไม่ใช่แพะ”
ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “บอกว่า เอ่ออออ … โยนมา #ก้าวไกล เฉย”
ขณะเดียวกัน วันนี้ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า
▪ เรื่องของ ปริญญ์ นั้น ผมได้ข่าวมาหลายวันแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัด
ซึ่งอาจเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หรือเรื่องจริงบางส่วน หรือ เป็น
การโจมตีทางการเมืองก็ได้
▪ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะจริง หรือไม่จริง “เรื่องนี้เป็นปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน”
เพราะผมก็ได้ข่าวมาล่วงหน้าแล้ว และก็ไม่ใช่เรื่อง ปริญญ์คนเดียว
ยังมีอีก จึงน่าสงสัยว่า “ไอ้ข่าวพวกนี้มันออกมาได้อย่างไร”
พยายามบอก บุคคลในพรรค ปชป.ไป ก็มี รมต.บางคนโทร.มาหา บอกว่าจะให้คนติดต่อมา แต่ก็ไม่ได้เรื่องสักที
เรื่องนี้ความจริงไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ก็ต้องปล่อยไปครับ
▪ ส่วน ปริญญ์ นั้น ก็ต้องทำเรื่องให้ชัดเจน โดยเร็วที่สุด
ก่อนที่เรื่องจะบานปลายออกไปถึงเรื่องอื่นอีก
▪ การเมืองไทยกำลังเริ่มเข้าสู่วงจรการเมืองแบบตะวันตกแล้ว
ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนก็ควรระวังเรื่องแบบนี้ไว้ครับ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายพรรคการเมือง 2560 ในการแจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรค มีมติที่เด็ดขาดตามข้อบังคับพรรค กรณีที่อดีตรองหัวหน้าพรรค ถูกกล่าวหา และฟ้องต่อศาลว่าทำอนาจารและข่มขืนหญิงอื่นหลายราย อันเกี่ยวข้องกับมาตรฐานทางจริยธรรมนั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข่าวที่ปรากฏเป็นการทั่วไปเกี่ยวกับรอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ รายหนึ่ง ซึ่งต่อมาเจ้าตัวที่ถูกกล่าวอ้างถึง คือ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้ออกมาปฏิเสธ หลังถูกกล่าวหาจากผู้เสียหายที่เป็นหญิงจำนวนมาก ว่า ได้กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุมากกว่า 15 ปี และข่มขืนกระทำชำเรา โดยเจ้าทุกข์ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.ลุมพินี แล้ว และตำรวจได้ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลไว้ 3 คดี แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวทั้ง 3 คดี โดยศาลได้ตีราคาประกันในคดีหมายเลขดำ ฝ.173,174/2565 สำนวนละ 200,000 บาท และคดีหมายเลขดำ ฝ.175/2565 จำนวน 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ทราบ
แต่เนื่องจากตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ 2561 ข้อ 19(2)(4) ข้อ 24 ถึง 28 ประกอบข้อ 115 มีข้อกำหนดอันเกี่ยวข้องกับมาตฐานจริยธรรมของสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไว้ว่า พรรคมีความรับผิดชอบต่อสมาชิก โดยจะต้องควบคุมและกํากับดูแลมิให้สมาชิกกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ข้อบังคับพรรค และประกาศของพรรค หากฝ่าฝืนคณะ กก.บห.พรรค มีอำนาจมีมติขับให้ผู้ฝ่าฝืนออกจากสมาชิกพรรคได้ และถึงแม้นายปริญญ์จะประกาศลาออกทุกตำแหน่งภายในพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ตาม แต่ความเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ปรากฏว่าลาออกแล้วหรือไม่
ดังนั้น จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะต้องดำเนินการตาม ม.22 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โดยเร่งแจ้งให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคโดยเร็ว ซึ่งหากเลขาธิการ กกต.แจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ละเลย หรือไม่เรียกประชุมคณะกรรมการบริการพรรคหรือไม่มีมติหรือสั่งการใดๆเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวของอดีตรอง หน.พรรค คนดังกล่าว และไม่กำหนด มาตรการหรือวิธีการที่จำเป็น เพื่อมิให้สมาชิกพรรคกระทำการอันมีลักษณะดังกล่าวอีก และไม่แจ้งให้เลขาธิการ กกต.ทราบภายใน 7 วัน นับแต่มีมติ เลขาฯ กกต.จะต้องแจ้งให้ คณะกรรมการ กกต.เพื่อพิจารณามีคำสั่งให้ คณะ กก.บห.พรรค ปชป. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะได้ และห้ามกลับมาเป็นดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองอีกจนกว่าจะพ้น 20 ปีไปแล้ว นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด (จากสยามรัฐออนไลน์)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีการทำผิดจริงหรือไม่ คนที่จะตัดสินก็คือ ศาลสถิตยุติธรรมจนถึงที่สุด
อีกประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ เบื้องหน้าเบื้องหลัง มี “เกมการเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง ตามที่มีการระบุในคลิปจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ อาจมีผลต่อการขยายปมให้รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ โดยเฉพาะการขยายผลเพื่อทำลายกันทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่สังคมจะต้องแยกแยะให้ชัดเจน
เหนืออื่นใด เนื่องจากเป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก และมีโทษหนัก การด่วนสรุปว่า ผิด หรือ ไม่ผิด ล้วนไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น ไม่ว่า ผู้ทำผิด หรือ สังคม ดังนั้น จึงควรระวังอย่าให้เกิดความผิดพลาดในการกระบวนการยุติธรรมเป็นอันขาด หาไม่แล้ว ทุกคนจะเสียใจ และไม่อาจเรียกคืนความยุติธรรมได้อย่างที่ควรจะเป็น “บทเรียน” มีให้เห็นมากแล้ว!