“ทนายเดชา” ยื่นเอกสารชันสูตรศพรอบ 2 พาแม่สอบปากคำเพิ่ม ยืนยันเล็บแตงโมไม่มีดีเอ็นเอใคร ลุ้นแจ้งข้อหาเพิ่มเรียกสอบ หาตัวใครสั่งให้ไปนั่งท้ายเรือ แม่สั่งทนายกฤษณะหยุดจ้อให้ข่าวสื่อ ขู่เอาเรื่อง
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ พร้อมกับ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาวที่ตกเรือเสียชีวิต นำผลชันสูตรศพแตงโมรอบ 2 ไปมอบให้กับ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต เพื่อประกอบสำนวน พร้อมสอบถามความคืบหน้าของคดี ว่า ตำรวจจะออกหมายจับใครและแจ้งข้อหาใครเพิ่มหรือไม่
ทนายเดชา กล่าวว่า ผลการชันสูตรพลิกศพรอบ 2 เท่าที่ดูละเอียดแล้ว มีความแตกต่างเป็นระยะ ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป ซึ่งดูโดยละเอียดแล้ว ส่วนรอยต่างๆ จะให้ทางนิติเวช และทางตำรวจดูบาดแผลเพิ่มเติม ส่วนเรื่องเล็บไม่มีดีเอ็นเอใครอยู่ ส่วนผลชันสูตรต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ทั้งตรวจในเรื่องของศพ เรื่องคลิป คำให้การของคนบนเรือ และ จีพีเอส ตามที่ ผบ.ตร.พูด วันนี้จะรู้ว่าจะแจ้งเพิ่มได้ไหม จะต้องมีการสอบปากคำคุณแม่เพิ่ม มีการเรียกพยานบนเรือมาสอบหลายครั้ง ซึ่งแปลว่าจะต้องสอบเพิ่มเติม และต้องสอบปากคำแม่เพิ่มเติม
ตอนนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานอยู่ ในข้อเท็จจริง หรือใครเป็นคนสั่งให้แตงโมนั่งท้ายเรือ กำลังรวบรวมอยู่ ดูผลชันสูตรแล้วจากหัวถึงเท้า ผลทั้งสองที่จะต้องดูตำรวจว่าแจ้งข้อหาอะไร ส่วนผลครั้งที่ 2 ไม่จำเป็น เป็นการประสงค์ของคุณแม่ เพราะผลจากนิติเวช ตำรวจมีการแม่นยำ ส่วนตนทราบมาว่าคนบนเรือจะดำเนินคดีกับคนที่หิวแสง ถ้าใครมีพยานหลักฐานจริง ก็ส่งมอบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตนจะไม่ไปร้องเรียนเรื่องอะไรแล้ว เพราะในสำนวนมีทุกอย่างแล้ว การแจ้งข้อกล่าวหาไม่ใช่หน้าที่ของผู้เสียหาย อยู่ที่พนักงานสอบสวน วันนี้เอาผลขันสูตรมายื่น และสอบปากคำแม่เพิ่มเติม
ด้าน แม่แตงโม กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีข้อสงสัย คำตอบจะอยู่ที่พนักงานสอบสวน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าจะสอบปากคำเพิ่มเติม ตอนนี้ได้ข้อคิดอะไรมากมายมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ใจเย็นลง ส่วนปอก็พูดดี ถามถึงเรื่องราว ก็คิดดีกับเขาแล้วที่มีการบวช ไปนอนในหลุมฝังศพเป็นการที่ดี ตอนนี้ยังไม่มีการนัดคุยกัน ยังไม่ได้คุยเรื่องที่สารภาพ เพราะตนยังไม่ได้เค้นถาม จะต้องดูจังหวะเวลา เพราะเขาจะต้องสารภาพต่อสื่อมวลชน ตนไม่ได้อ่านในโซเชียลเลย เพราะว่าจะเกิดความโมโห ไม่ถือสาคอมเมนต์ อยากด่าก็ด่าไป ตนไม่ได้ทำตามตำรวจ และตำรวจไม่มีคำสั่งกับตน ส่วนเรื่องหมอพรทิพย์เป็นความต้องการของตนเอง ไม่กลัวว่าตำรวจจะไม่ทำคดีให้ เพราะเขาต้องทำคดีให้ตนตามหน้าที่อยู่แล้ว ทางตนได้เตือนทนายกฤษณะไปแล้ว ว่า หยุดให้สัมภาษณ์ และบอกว่า ห้ามพูดว่ามีหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนเรื่องบังแจ๊สต้องบอกให้เขาหยุด ส่วนเรื่องทนายกฤษณะไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างที่เขากล่าว ตนมองว่า เป็นการกุข่าวขึ้นมาเอง ถ้าจะแฉต้องบอกตนก่อน เขาก็อ้างว่ายังรักตนเหมือนเดิม ถ้าเขาไม่หยุดตนจะเอาเรื่องเอง
