อัยการฟ้อง ส.ต.ต.ซิ่งบิ๊กไบค์ ชน “หมอกระต่าย” ทั้ง 9 ข้อหา-ขอศาลสั่งยึดรถ จยย.ของกลางด้วย เหตุขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เจ้าตัวรับสารภาพ ศาลนัดพิพากษา 25 เม.ย.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 ก.พ.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 นัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ คดีที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) เป็นผู้ต้องหาขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ ทะเบียน 1 กผ 9942 ชน พญ.วราลัคน์ หรือ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายใกล้แยกพญาไท จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565
โดยในวันนี้ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ผู้ต้องหา มีสีหน้าเศร้า และเดินทางมาฟังคำสั่งพร้อมกับทนายความ
ซึ่ง นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้พนักงานอัยการนัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่ง หลังจากได้พิจารณาแล้ว พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกข้อหาที่พนักงานสอบสวนตั้งไว้ 9 ข้อหา และนอกจากคำสั่งฟ้องแล้ว พนักงานอัยการมีคำขอให้ยึดรถจักรยานยนต์ รวมทั้งขอให้ศาลเพิกถอน หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาด้วย
โดยข้อหาแรก คือ นำรถที่ไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ, ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี, ใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายผู้ประสบภัย, นำรถไม่สมบูรณ์มาขับเพราะไม่ติดกระจกมองข้าง, ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย, ขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด, ขับรถโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น, ขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง, ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สิน กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยวันนี้พนักงานอัยการจะนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า อัยการให้ตำรวจไปสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารเสพติด หรือปริมาณแอลกอฮอล์หรือไม่ นายธวัชชัย หัตถะปนิตร์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เจ้าของสำนวนคดี กล่าวว่า ไม่มีการสั่งสอบเพิ่ม เพราะพนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์จากผู้ต้องหา ซึ่งในสำนวนคดีนั้น ก็มีการแจ้งผลการตรวจแอลกอฮอล์แล้ว ซึ่งไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ต้องหา และไม่ได้สั่งให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมเนื่องจากครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว
ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มว่า ประเด็นที่อัยการเสนอให้ศาลพิจารณามี 2 กรณี คือ การขอเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิตไม่ให้ทำใบขับขี่ กับกรณีที่ 2 คือ การขอพักใช้ ส่วนจะมีการพักใช้กี่ปีนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนการขอยึดรถนั้นเนื่องจากในคำฟ้อง มีข้อหาที่ 7 เกี่ยวกับการขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น เหมือนกับกลุ่มที่แข่งรถ ซึ่งกฎหมายถือว่ารถเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด คดีนี้เราจึงขอริบรถจักรยานยนต์ด้วย ส่วนประเด็นที่ว่ารถถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น ทางตำรวจไม่มีการแจ้งแสดงว่ารถนั้นถูกต้องตามกฎหมาย หากรถไม่ถูกต้องตามกฎหมายจะมีการดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่ง
ด้าน นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องรถถูกต้องหรือไม่ และการขับรถโดยประมาทเป็นคนละเรื่องกัน หากรถไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนก็คงจะต้องทำคดีอีกสำนวนหนึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า ในการสั่งคดี อัยการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งให้แจ้งกับผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายสามารถมาขอยื่นขอค่าเสียหายได้ตามมาตรา 44/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากการขอตามมาตรานี้นั้น เป็นการขอให้ผู้เสียหายมาเรียกร้องจากจำเลยที่เราฟ้อง แต่ไม่สามารถมายื่นคำขอเอากับบุคคลอื่นนอกคดีได้ ส่วนที่ครอบครัวผู้เสียหายไปฟ้องศาลแพ่งนั้น ก็เป็นสิทธิตามกฎหมายทางอัยการจะไม่ก้าวล่วง อย่างไรก็ตาม สำหรับระเบียบอัยการนั้น แจ้งว่า ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายทุกอย่าง โดยจะต้องมาประสานกับทางอัยการ และอัยการจะแนะนำให้ไปยื่นคำร้อง และในขั้นตอนสืบพยานทางอัยการจะมีการถามในประเด็นค่าเสียหาย แต่ต้องมายื่นก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา กรณีที่จำเลยรับสารภาพ หรือต้องยื่นก่อนศาลสืบพยานนัดแรกในกรณีจำเลยปฏิเสธ
ภายหลัง ส.ต.ต.นรวิชญ์ มารับทราบคำสั่งฟ้องแล้ว พนักงานอัยการจึงนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
ล่าสุด ศาลอาญาประทับฟ้องเป็นคดีหมายเลยดำ อ. 399/2565 อยู่ระหว่างสอบคำให้การ และประกันตัว
ต่อมาศาลได้อ่านและอธิบายฟ้องแล้วสอบถามว่า จะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่ง ส.ต.ต.นรวิชญ์ แถลงให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี
ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะประวัติการศึกษา สถานะทางครอบครัว และอื่นๆ ของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา โดยนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 เม.ย.นี้เวลา 09.00 น.
ภายหลังบิดาของจำเลย ได้ใช้ตำแหน่งราชการ เป็นหลักทรัพย์ ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณา โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูกควบคุมตัว ประกอบกับโจทก์ไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณาโดยตีราคาประกัน 50,000 บาท