รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 22 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ คดีแม่ธนาธร รุกป่าพันไร่อืด รัฐดองกันเอง
คดี “แม่ธนาธร” รุกป่า กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง หลังจากเงียบหายนานเป็นปี เมื่อนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ออกมาให้ข่าว เตรียมส่งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญของกรมที่ดิน ลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 24-28 ม.ค.นี้
เพื่อทำการสำรวจรังวัดที่ดินปัญหา ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร หัวหน้าคณะก้าวหน้า
รวมถึงที่ดินของ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของนายธนาธร และก็ที่ดินของนายธนาธรเอง
รวมแล้ว สามแม่ลูก ครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่า 60 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่
ดูเหมือนว่าคดีนี้จะสะดุดหยุดกึก ไม่มีความคืบหน้ามานาน ในส่วนงานที่รับผิดชอบโดยจังหวัดราชบุรี และกรมที่ดิน เพราะสอบไปสอบมา ได้ข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน ว่าที่ดิน น.ส. 3 ก. ทั้ง 60 แปลง ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี รุกป่าจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่
มีการตีกลับให้ตรวจสอบใหม่ โดยรับฟังเหตุผลของผู้คัดค้านด้วย
ร้อนถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่ยึดคืนพื้นที่ป่าอย่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า ต้องมีหนังสือทวงถามถึงกรมที่ดิน เมื่อไรจะเพิกถอนที่ดิน น.ส. 3 ก. เหล่านี้เสียที จะได้นำมาประกอบสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา
ไปๆมาๆ คดีที่ดูเหมือนจะง่ายในตอนเริ่มต้น ทำท่าจะกลายเป็นหนังชีวิต เป็นมหากาพย์ เพราะหน่วยงานรัฐทำงานไม่ประสานกัน มีคนทำงานไว มีคนทำงานช้า
ทั้งที่ผลการสอบสวนช่วงแรก ระบุออกมาค่อนข้างชัดว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ มีการเปิดรายชื่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งก๊วน แล้วนางสมพรได้ซื้อที่ดินปัญหาเหล่านั้นมา
ไม่ใช่แค่ครอบครอง น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบกว่า 2 พันไร่ นางสมพรยังมีคดีบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าอีก 450 ไร่
มองในมุมการเมือง ฝ่ายอำนาจรัฐน่าจะจัดการ “แม่ธนาธร” ได้ไม่ยาก เพราะถือว่าเป็นฝ่ายที่อยู่คนละขั้ว นายธนาธรเองก็ถือเป็นศัตรูทางการเมือง ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
แต่กลับเป็นคดีรุกป่าของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ผู้เปิดประเด็นแม่ธนาธรรุกป่าราชบุรี ที่คืบหน้าไปเร็วกว่า โดยเจ้าหน้าที่ยึดที่ดินฟาร์มไก่ในพื้นที่ป่าของน.ส.ปารีณาไปเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ไปตั้งแต่ต้นปี 2564 ให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี จากนั้นคดีก็เงียบหายไป
การตรวจสอบที่ดินตามข้อกล่าวหา อย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ปราศจากแรงกดดันทางการเมือง นับว่าเป็นหลักการที่ใช่
เพียงแต่การขยับทำงาน ก็ต้องไม่อืดอาดล่าช้า จนส่งผลให้คดีอาญารวนไปหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อครหาว่า หน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
ต้องไม่ลืมว่าผู้ต้องหาคดีนี้ นับว่ามีอิทธิพลสูง ทั้งทางการเมือง การเงิน และสื่อในมือ
หรือว่า คนมีอุดมการณ์แรงอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่อยากให้คดีตัวเอง เกิดความเหลื่อมล้ำกับคดี “ตายายเก็บเห็ด” เพราะจะโดนคนเอามายอกย้อนได้ คนรวย คนมีอำนาจ ไม่ยักติดคุกแบบตายายเก็บเห็ด
