ลำปาง – กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ลำปาง จี้ตำรวจเร่งคดีไฮโซหนุ่มฉ้อโกง ลวงนำเงินร่วมทำธุรกิจปิด-ย้ายไฟแนนซ์ จนสูญเงินไปกว่า 50 ล้าน แจ้งความ 4 เดือนคดียังนิ่ง แต่พอคู่กรณีให้แฟนสาวตลับหลังแจ้งความฐานปล้นทรัพย์กลับเด้งรับทันที
วันนี้ (22 ม.ค.65) กลุ่มผู้เสียหาย รวม 12 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการและนักธุรกิจในหลากหลายสาขาในลำปาง ที่เคยรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับนายเบียร์ หรือ ไฮโซเบียร์ หรือนายปิยะพงษ์ ที่ สภ.เขลางค์นคร และ สภ.เมืองลำปาง เมื่อเตือนตุลาคม 2564 อ้างว่าถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในธุรกิจรับปิด-ย้ายไฟแนนซ์ สูญเงินไปกว่า 50 ล้านบาท ได้ทยอยเดินทางไปที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีปล้นทรัพย์
โดยทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ที่กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ปฎิเสธข้อกล่าวหา เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งเป็นลูกความไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกผู้กล่าวหาแจ้งความในคดีปล้นทรัพย์ และปฎิเสธในการพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา
ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายเปิดเผยว่า วันนี้นอกจากจะมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทุกคนไม่ได้หนักใจใดๆเพราะมีพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว ยังได้มาติดตามความคืบหน้าคดีที่พวกตนได้เข้าแจ้งความนายเบียร์ หรือ ไฮโซเบียร์ หรือนายปิยะพงษ์ ในข้อหาฉ้อโกง ไว้ที่ สภ.เขลางค์นคร และ สภ.เมืองลำปาง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
“วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกำลังตื่นมาสอบถามเรื่องราวของคดีและรับปากว่าจะเร่งทำคดีให้ ซึ่งกลุ่มของตนเองเห็นว่าการทำคดีของตำรวจล่าช้ามาก ผิดกับคดีที่กลุ่มตนเองถูกกล่าวหาว่าปล้นทรัพย์ ตำรวจทำคดีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก จึงทำให้ไม่มีความเชื่อมั่นแต่เมื่อตำรวจรับปากว่าจะเร่งทำคดีให้กลุ่มของตนเองก็จะรอดูว่าจะทำได้หรือไม่”
อนึ่ง เมื่อเดือนตุลาคม 2564 กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ในลำปาง 12 คน ได้รวมตัวเข้าแจ้งความว่า นายเบียร์ซึ่งเป็นไฮโซในสังคมลำปางพร้อมแฟนสาว ไปเปิดเพจว่าทำธุรกิจรับปรึกษาและรับปิด-ย้ายไฟแนนซ์ ขอยืมเงินอ้างว่าจะนำไปลงทุนในธุรกิจ ปิด-ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ดังกล่าว โดยเสนอผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย 6-7%
ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่านายเบียร์เป็นนักธุรกิจและเป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมลำปาง จึงเชื่อใจและยอมให้ยืมเงินไปทำธุรกิจดังกล่าว โดยทุกคนยืนยันว่าไม่มีส่วนเข้าไปทำธุรกิจด้วยแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงแรกแต่ละคนที่นำเงินให้นายเบียร์ยืมไปคนละหลักแสนก็ได้ดอกเบี้ยกลับคืนมาจริง แต่หลังจากนั้นนายเบียร์ก็ได้ชักชวนให้เพิ่มจำนวนเงินมากขึ้น
บางคนเมื่อได้ดอกเบี้ยแล้วก็นำดอกเบี้ยเป็นเงินทุนและสมทบเพิ่มให้อีก จากหลักแสนเป็นหลักล้าน แต่หลังจากนั้นนายเบียร์เริ่มขอลดดอกเบี้ยลง กลุ่มผู้เสียหายจึงขอเงินที่ให้ยืมคืน ซึ่งบางคนได้คืนมาเพียงบางส่วน สุดท้ายนายเบียร์กลับไม่ยอมคืนเงินให้กับทุกคนโดยอ้างว่าไม่มี และเดินทางออกจากพื้นที่ลำปางไป
โดยผู้เสียหายทราบภายหลังว่าถูกนายเบียร์หลอก เพราะนายเบียร์อาจไม่ได้นำเงินไปทำธุรกิจ แต่อาจทำเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ ชักชวนคนรู้จักซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มนักธุรกิจที่มีเงินและเป็นที่รู้จักในสังคม ให้นำเงินมาให้กู้ยืม โดยอ้างว่าจะนำไปทำธุรกิจแลกกับผลตอบแทนสูงไปเรื่อยๆ หมุนเงินจากคนที่หลงเชื่อรายใหม่ไปจ่ายดอกคนเก่า จนสุดท้ายเมื่อไม่มีรายใหม่เพิ่มเงินเข้ามาจึงทำให้สะดุดและไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้กับกลุ่มผู้ที่นำเงินมาให้ยืมได้