อธิบายมา เท่าเทียมอย่างไร! “กรมป่าไม้” เริ่มอึดอัด จี้ เพิกถอนที่ดิน “แม่ธนาธร” รุกป่า หลัง 1 ปี คดีไม่คืบ อ้าว..เหยียดกันเองซะให้เข็ด! กาณฑ์สามนิ้ว ซัดยับ “ก้าวไกล” ส่งเด็กกเฬวราก ลง ส.ส.? ไล่ปฏิรูปการศึกษาตัวเองก่อน!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 ม.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ตำรวจ อัยการ ยังไม่มีการเคลื่อนไหว คดี “แม่ธนาธร” บุกรุกป่า และยังไม่มีการเพิกถอนที่ดิน กรมป่าไม้ อึดอัด!?
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วง 11 ม.ค. 64 สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้ส่งเรื่องให้กับทาง อธิบดีกรมที่ดิน หลังได้รับแจ้งให้ตรวจสอบที่ดินของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ท้องที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ว่า สามารถออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าไม้ถาวร หรือป่าสงวนแห่งชาติได้หรือไม่อย่างไร และศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มีการร้องเรียนดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งขอคัดสำเนาและขอถ่าย สำเนาสารบบที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง
ตรวจพบว่า มีการครอบครองที่ดินเป็นเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน ประเภท น.ส.3 ก จำนวน 60 ฉบับ โดยมีผู้ครอบครองประกอบด้วย นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรื่องกิจ จำนวน 5 ฉบับ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ
โดย ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ตปก.พป.) ได้มีหนังสือ สอบถามไปยังกรมพัฒนาที่ดิน ว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินได้มีหนังสือแจ้งว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ชื่อ “ป่าฝั่งชัายแม่น้ำภาชี (หมายเลข ๘๕)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512
ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อ พ.ศ. 2527 รายละเอียดปรากฏตาม และภายหลังชุดปฏิบัติการฯ ได้ตรวจสอบตำแหน่งแปลงที่ดิน น.ส.3 ก จำนวน 60 ฉบับ พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ชื่อ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข ๘๕)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 ทั้งหมด
ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) พิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแล้ว เห็นว่า การออกเอกสารสิทธิในที่ดินประเภท น.ส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ ดังกล่าวข้างตัน เป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ทางด้าน กรมที่ดิน ได้โปรดพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาในวันที่ 21 ม.ค. 64 รองอธิบดีกรมที่ดิน ได้ส่งเรื่องดังกล่าวต่อให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งผล เพื่อเพิกถอนที่ดินดังกล่าว
เมื่อเรื่องดังกล่าวได้มีการนำไปเผยแพร่ เป็นข่าวโด่งดังและประชาชนจำนวนมากต่างติดตามอย่างเกาะติด ทำให้ทางด้าน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกหมายเรียก นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 22 เม.ย. 64 ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.ป่าไม้ และประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีบุกรุกยึดถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่กรมป่าไม้ได้มาแจ้งความไว้
ซึ่งทางด้านตำรวจได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งแรก โดย นางสมพร ได้ให้การปฏิเสธ และทีมทนายความจะทำหนังสือชี้แจงถ้อยคำต่อตำรวจภายหลัง เพื่อที่จะสรุปสำนวนอีกครั้ง โดย นางสมพร ได้เปิดเผยว่า จะทำการแถลงข่าวชี้แจงเรื่องทั้งหมด ในช่วงเดือน พ.ค. 64 แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีการชี้แจงใดๆต่อสาธารณะอีกเลย เรื่องดังกล่าวถึงขั้นตอนไหน หลายคนที่ติดตามก็อาจจะยังไม่ทราบความคืบหน้า
ต่อมาในวันที่ 17 ม.ค. 65 กรมป่าไม้ ได้ส่งข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับ ผู้กำกับการ 5 กองปังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตามว่า กรมที่ดิน ได้เพิกถอนเอกสารที่ดิน ตามที่ กรมป่าไม้ ได้แจ้งไปหรือไม่ เพราะต้องการนำเอกสารดังกล่าวไปประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป
การส่งหนังสือล่าสุดของกรมป่าไม้นั้น จึงทำให้เข้าใจว่า นี่คือ การทวงถามความคืบหน้า หลังจากที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเพิ่มเติม เป็นเวลากว่า 1 ปี อาจเป็นเพราะ กรมที่ดิน ยังไม่ทำการเพิกถอนที่ดินดังกล่าว จึงไม่สามารถทำคดีต่อไปได้
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เหยียดกันเอง! กาณฑ์สามนิ้ว ซัดยับ “ก้าวไกล” ส่งเด็กกเฬวราก ลง ส.ส.? ไล่ปฏิรูปการศึกษาตัวเองก่อน!
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 โดยผลการนับคะแนน ปรากฏว่า ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล นายวรพล อนันตศักดิ์ ได้ 3,520 คะแนน ในขณะที่เมื่อปี 2562 นายชาญวิทย์ ใจสว่าง อนาคตใหม่ (ยุบพรรค) ได้ 10,347 คะแนน ซึ่งหากนำมาเทียบกัน คะแนนของพรรคก้าวไกลลดฮวบไปกว่า 3 เท่า
ล่าสุด วันนี้ (18 ม.ค. 65) นายศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ กาณฑ์ นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เครือข่าย 3 นิ้ว โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 ของพรรคก้าวไกล ว่า
ชาวชุมพร คิดถูกแล้วค่ะที่กาพรรคประชาธิปัตย์ กูถามคำเดียวนะ ถ้ามีคนแบบนี้มาเป็นผู้สมัครเขตบ้านมึง มึงกาไหม
สมมติถ้ามีผู้สมัครแบบนี้จากพรรคเพื่อไทย ประชาชนจะรุมสาปพรรคทันที
พรรคก้าวไกล เอาเด็กกเฬวรากมาลง ส.ส. ได้อย่างไร? เอาคนไม่มีการศึกษา ไม่มีงานมีการทำ มาเป็นตัวแทนประชาชน พรรคก้าวไกล - Move Forward Party คุณดูถูกประชาชนมากๆ เลยนะ คนใต้เป็นคนเหี้xมั้ย? ไม่รู้….
แต่ที่รู้แน่ๆ คนใต้ไม่ใช่คนโง่
ไม่ต้องมาวิแคะโครงสร้างเศรษฐกิจห่าเหวไรหรอก นายกฯจะเป็นใคร มีนโยบายอะไร การเมืองในสภาจะเป็นอย่างไร อยากทำการเมือง ลองเดินไปถามไถ่ สารทุกข์สุกดิบ ดูแลเอาใจใส่ เข้าถึงหัวใจประชาชนหรือยัง แค่นี้ทำไม่ได้ ก็ไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์แทนเถอะ ได้มา 3,520 คะแนน กูว่ามากเกินไปแล้วนะ
คนชุมพรที่กาเขาต้องกลืนเลือด ยอมโดนล้อขนาดไหน ที่เอาเด็กเมื่อวานซืนมาเป็นตัวแทนเขาน่ะ อยากปฏิรูปอะไร กลับไปปฏิรูปการศึกษาตัวเองก่อนนะน้องนะ
ในขณะที่ นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า อุ๊ย!!!! ซึ่ง กาณฑ์ ก็ได้ตอบกลับว่า เพื่อไทยน่าส่งเล่นๆ นะพี่ อยากรู้ จะได้เท่าไหร่
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ คดี “แม่ธนาธร” บุกรุกป่า ซึ่งไม่เพียงเป็นคดีที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก นายธนาธร ประกาศตนเป็นบุคคลสาธารณะอย่างชัดแจ้ง ทั้งเคยเป็นแคนดิเดตนายกฯที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ส่งเข้าประกวด และการมาตั้งคณะก้าวหน้า เคลื่อนไหว “ปฏิรูปสถาบันฯ” และสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว อย่างน้อยก็ประมูลภาพ หาเงินเข้ากองทุนช่วยม็อบ 3 นิ้ว ไม่นับการออกมาหนุนหลังผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ประเด็นสำคัญ นายธนาธร ประกาศที่จะสร้างการเมืองใหม่ สร้างสังคมเสมอภาคเท่าเทียม เรื่องนี้จึงท้าทายอย่างมากว่า นายธนาธรจะต่อสู้เพื่อความเสมอภาคเท่าเทียม หรือ ผลประโยชน์ครอบครัวและตัวเอง (มีชื่อธนาธรถือครองด้วย) หมายความว่า ต้องไม่ใช้เงิน ใช้เส้นสาย วิ่งเต้นในการต่อสู้คดี เอาความจริงมาว่ากันตามกฎหมาย อย่างที่ชาวบ้านเขาสู้คดีกัน จึงจะสมกับที่ตัวเอง เรียกร้องความเท่าเทียม
ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า มีการวิ่งเต้นคดีแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้น
ส่วนเรื่องคดีล่าช้า คนไทยถือเป็นเรื่องชาชินมานานแล้ว โดยเฉพาะคนรวยทำผิดกฎหมาย ดีไม่ดีถ้าสื่อไม่เกาะติดกัดไม่ปล่อย พอกระแสซาลง คดีพลิกไปหลายตลบแล้วก็มี อย่างที่เป็นข่าวมาตลอด
ประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้ากรมป่าไม้ ไม่ออกมา จี้คดีเอง รับรอง หายเข้ากลีบเมฆแน่? ยิ่งคดีเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยราชการ ยิ่งช้าเป็นเรือเกลือ นี่ต่างหากที่นักการเมืองควรเร่งปฏิรูป และโชว์ให้ประชาชนเห็นว่า ตัวเองแน่ ก่อนที่จะไปปฏิรูปอย่างอื่น ที่มีแต่คนต่อต้าน
แต่ถ้าจะให้ดี นายธนาธร กล้าหรือไม่ที่จะทำให้เป็นตัวอย่าง ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง จี้ให้ทางราชการเร่งคดีแม่ตัวเอง และของตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียม ถ้ากล้าและทำได้ ประชาชนก็กล้าที่จะสนับสนุนเป็นนายกฯเช่นกัน ไม่เชื่อก็ลองดู!!!
