รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 10 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ จุดจบ “สายกร่าง” โดนน่วมเจอหลายเด้ง ปลด อาญา ถอดยศ
กรณี “ทหารเรือกร่าง” นาวาเอก อลงกรณ์ ปลอดดี อดีตผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ โชว์กร่าง มีการเผยแพร่คลิปพูดจาไม่เหมาะสม มีการพูดจาพาดพิงเบื้องสูง ด้วยอาการมึนเมา จึงกลายเป็น “มหากาพย์” เจอลงโทษหลายเด้ง ชนิดที่ว่า อย่าได้เอาเยี่ยงอย่าง
การลงโทษตามมาโดยไม่ช้า เริ่มจากมีคำสั่งให้ น.อ.อลงกรณ์ เข้ารับการธำรงวินัย 14 วัน ที่ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เมื่อ 26ธ.ค.64
และเป็นผลให้ “บิ๊กเฒ่า”พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ร.ท.นฤพล เกิดนาค ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ต้องโกนผมสวมชุดฝึกนาวิกโยธิน เข้ารับการธำรงวินัยเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
สำหรับ ผบ.ทร. เป็นระยะเวลา 3 และ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ตามลำดับขั้น 2 ชั้นยศ ในฐานะผู้บังคับบัญชา
ควรรู้ว่า คำว่า “ธำรงวินัย” ที่ได้ยินบ่อยครั้ง หลังมีข่าว “ทหาร” กระทำผิด โดยการ “ธำรงวินัย” เกิดขึ้นครั้งแรกจาก ทบ. ในยุค “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. ที่ขยายมายังเหล่าทัพอื่นๆด้วย ซึ่งการลงโทษจะเน้นการออกกำลังเป็นหลัก
เป็นโทษที่แยกมากจาก “ทัณฑ์ 5 สถาน” ของ พ.ร.บ.วินัยทหาร ได้แก่ 1.ภาคทัณฑ์หรือให้ทำทัณฑ์บนไว้ 2. ทัณฑกรรม คือ ให้กระทำการสุขา การโยธา อยู่เวรยามนอกจากหน้าที่ประจำ 3. กัก คือ กักตัวไว้ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตาม แต่จะกำหนดให้ 4. ขัง คือ ขังในที่ควบคุมแต่เฉพาะคนเดียวหรือรวมกันหลายคนแล้วแต่คำสั่ง และ 5.จำขัง คือ ขังโดยส่งไปฝากให้อยู่ในความควบคุมของเรือนจำทหาร เรียกได้ว่า “โดนโทษ 2 เด้ง”
ทั้งนี้เป้าหมายของการ “ธำรงวินัย” เพื่อป้องปรามไม่ให้กระทำผิดซ้ำ รวมทั้งการ “รับผิดชอบร่วมกัน” ระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิด กับผู้บังคับบัญชาเพราะที่ผ่านมาพบว่าเกิดการกระทำผิดซ้ำและการปกป้องกันเองด้วย
มาเมื่อสัปด์ที่ผ่านมา “บิ๊กหน่อย”พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ปลด น.อ.อลงกรณ์ ปลอดดี หมายเลขประจำตัว 1325801253 (พรรค นว.) ประจำฐานทัพเรือสัตหีบ ออกจากราชการ
เป็น นายทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ สังกัด กพ.ทร. เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา
มีรายงานข่าวเปิดเผยตามมาว่า ขั้นตอนต่อไปจะมีคำสั่งในการดำเนินการในการ “ถอดยศ” และงดบำเหน็จบำนาญอีกชั้นหนึ่ง ตามมา เพราะกระทำผิดวินัยทหารฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
ในด้านคดีอาญา ศาลมณฑลทหารบกที่ 14 ได้ออกหมายจับ ระบุให้จับ น.อ.อลงกรณ์ ตามที่พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้ยื่นคำร้อง 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ได้กระทำความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
2.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย 3.ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย แลพ 4.หมิ่นประมาท ซึ่งเจ้าตัวถูกจับกุมส่งเข้าห้องขัง มทบ.14 ไปแล้ว
ล่าสุดมีการแชร์ภาพ น.อ.อลงกรณ์ พร้อมข้อความระบุว่า “ห้ามบุคคลและยานพาหนะเข้าพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ” พ่วงด้วยรายชื่อยานพาหนะ 12 คัน หลายยี่ห้อ ซึ่งทุกคันติดบัตรอนุญาตติดยานพาหนะผ่านเข้า-ออกหน่วยราชการกองทัพเรือสีฟ้า
ทั้งหมดนี้จึงเป็นจุดจบ “สายกร่าง” โดนน่วม “หลายเด้ง” ทั้งการ “ธำรงวินัย-ปลดฟ้าผ่า” แถมโดน 4 ข้อหาคดีอาญา
ไม่เท่านั้นยังโดน “ตัดห่างปล่อยวัด” อีกด้วย เรียกได้ว่าสะท้านไปทั้งกองทัพ เป็นตัวอย่างให้ทหารยุคนี้ อยากกร่างต้องระวังจะเจอจุดจบแบบนี้