ศาลฎีกานัดพิจารณาคดีครั้งแรก “ฉลอง-ภูมิศิษฎ์-นาที” ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เสียบบัตรแทนกันในสภาฯ นัดตรวจหลักฐาน 10 มี.ค.ปีหน้า ด้าน “นาที” ยันยังอยู่ในที่ประชุมลงมติร่างงบประมาณ ส่วน “ฉลอง” ยอมรับลืมบัตรไว้ แต่ไม่รู้ใครใช้บัตรแทน
วันนี้ (12 พ.ย.) ศาลฎีกานัดพิจารณาครั้งแรก (สอบคำให้การ) คดีหมายเลขดำ คมจ.3/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และ นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเสียบบัตรแทนกันในสภา
โดยวันนี้ผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เดินทางมาที่ศาลพร้อมทนายความ
นายฉลอง ผู้คัดค้านที่ 1 และ นายภูมิศิษฎ์ ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า ป.ป.ช.ผู้ร้องได้ชี้มูลคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวต่อผู้คัดค้านที่ 1 และ 2 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 172 โดยผู้ร้องได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ จึงของดการไต่สวน เพื่อรอฟังผลในคดีอาญาก่อน ศาลสอบถาม ป.ป.ช.ผู้ร้องแล้ว แถลงว่า คดีอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด
องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากยังไม่ปรากฏว่า อัยการสูงสุดสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาในมูลคดีเดียวกับคดีนี้ จึงให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน และนัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ ในวันที่ 10 มี.ค. 2565 เวลา 10.00 น. ให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีพยาน ไม่น้อยกว่า 14 วัน พร้อมทั้งยื่นคำแถลงแนวทางการไต่สวนและคำโต้แย้งไม่น้อย 7 วัน การตรวจหลักฐานมอบให้เลขานุการองค์คณะ และเลขาธิการศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมือง ดำเนินการแทนร่วมกับคู่ความ และรายงานให้องค์คณะทราบต่อไป
ภายหลัง นางนาที ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะไม่ได้ทุจริตต่อหน้าที่ พยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลก็เป็นเรื่องจริง โดยในวันที่มีการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 มีหลักฐานว่า เจ้าหน้าที่ไปเช็กอินที่สนามบินสุวรรณภูมิให้ตนล่วงหน้า ก่อนจะเดินทางไปนอกราชอาณาจักร โดยในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ตนยังอยู่ในที่ประชุมเพื่อลงมติ ดังนั้น คำร้อง ป.ป.ช. ที่ร้องว่าตนออกจากสภาฯ ตอนเวลา 12.00 น. นั้น เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่า คดีดังกล่าวนี้จะไม่กระทบต่อคะแนนเสียง เนื่องจากตนเดินทางลงพื้นที่รับผิดชอบในภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง และพรรคภูมิใจไทยเน้นการทำงานมากกว่าการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ด้าน นายฉลอง กล่าวยอมรับว่า วันที่มีการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 2563 ตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เนื่องจากได้รับเชิญไปเป็นประธานในงานวันเด็ก การเดินทางลงพื้นที่ก็เป็นไปอย่างเปิดเผย ไม่มีการปิดบัง ฝ่ายตรงข้ามก็เห็นตลอด แต่ตนได้ลืมบัตรไว้ที่สภาฯ และไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้นำบัตรของตนไปใช้ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการฝากบัตรให้เสียบแทน เพราะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเห็นว่า การฝากบัตรให้เสียบแทนไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเสียงของรัฐบาลก็สามารถผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณได้อยู่แล้ว
ขณะที่ นายภูมิศิษฎ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนได้ยื่นคำคัดค้านให้ศาลทั้งหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล โดยยืนยันว่า วันที่ 11 ม.ค. ที่มีการลงมติ ตนได้เดินทางกลับมาร่วมลงคะแนน เนื่องจากเห็นว่าการประชุมยังไม่แล้วเสร็จ