ตามที่คอลัมน์ข่าวปนคนฯ นำเสนอ ที่มาของความร่ำรวยของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้เฟอร์รารี่ " อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยเมื่อครั้งรับราชการในภาคใต้ได้ค้นพบช่องทางทำกำไรจากการลงทุนซื้อรถหรู-ซุปเปอร์คาร์จากประเทศมาเลเซีย เนื่องจากราคาถูกกว่าไทยมาก หลังจากนั้นจะนำเข้ามาไทยแล้วดำเนินการจับกุมรถทำเป็นคดีส่งต่อกรมศุลกากรเพื่อขายทอดตลาดโดยวิธีประมูล ซึ่งผู้กำกับโจ้จะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินรางวัลนำจับ และ ค่าสายข่าว ประมาณ 45% ของราคาประมูลได้ (อ่าน ผู้กำกับโจ้เฟอร์รารี่ รวยมาจากไหน : https://mgronline.com/politics/detail/9640000083678 )
ล่าสุด นายพชร อันตศิลป์ อธิบดีกรมกุลกากร เปิดเผยผ่าน “รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ “ ว่า จากคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งได้มีการพาดพิงมายังกรมกุลกากร เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์หรู ตนจึงได้สั่งการให้มีการตรวจสอบในประเด็นของ "ผู้กำกับโจ้" ทั้งหมด ว่า มีการเกี่ยวพันอย่างไร โดยจากการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้นพบว่า มีรายชื่อของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในฐานะพนักงานสอบสวนที่ทำหน้าที่จับกุมรถยนต์ ซึ่ง ตั้งแต่ปี 2554-2560 "ผู้กำกับโจ้" ในฐานะเจ้าของสำนวนจับกุม นำส่งรถ 368 คัน ขายทอดตลาดไปแล้ว 363 คัน ยังขายไม่ออกอีก 5 คัน
นายพรช อันตศิลป์ อธิบดีกรมกุลกากร กล่าวด้วยว่า สำหรับตามกฎหมายศุลกากรปี 60 จะมีสินบนเงินรางวัลให้เจ้าหน้าที่จับกุม 40 เปอร์เซ็นต์ และ 1 คดีจะได้เงินสินบนไม่เกิน 5 ล้านบาท ไม่ว่าจะจับรถยนต์ได้กี่คันก็ตาม
จากราคาที่นำรถจำนวน 363 คัน ไปประมูลทางพิธีการศุลกากร เบื้องต้นทราบว่า น่าจะได้เงินประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งเงินส่วนแบ่ง หรือรางวัลนำจับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่า อาจจะมีการนำไปแบ่งกับชุดที่มีการจับกุม
รายงานข่าวระบุว่า หากเป็นไปตามที่ศุลกากรมีข้อมูล เท่ากับว่า ในช่วงเวลาที่ผู้กำกับโจ้ จับกุมรถ ที่ตัวเองลงทุนเอง นำเข้ามาจากมาเลเซีย และ ส่งประมูล เขาได้เงินส่วนแบ่ง หรือ รางวัลนำจับคาดว่าน่าจะมีมากถึง 450 ล้านบาท