MGR Online - บช.น.เตือนชุมนุม 10 ส.ค.นี้ ผิดหลายข้อหา ดำเนินคดีม็อบแล้วเกือบ 300 คดี ยันเครื่องกีดขวางถังน้ำมันปลอดภัย ความเสียหายของวันที่ 7 ส.ค. ตำรวจเจ็บ 5 นาย รถ 11 คัน
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย กรณีมีการนัดหมายชุมนุมในวันที่ 10 ส.ค. ที่แยกราชประสงค์ เวลา 13:00 น. นี้ ว่า บช.น.ขอเตือนว่า กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดย บช.น.ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว 299 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 196 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 103 คดี สำหรับการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้จับกุมผู้รับจ้างนำคนเข้ามาร่วมชุมนุม ส่วนผู้ว่าจ้างจะเป็นใครนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถ้าเอ่ยชื่อไปทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ส่วนการตั้งเครื่องกีดขวางโดยใช้ถังน้ำมันในพื้นที่ชุมนุม จนหลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
ขณะนี้ตำรวจได้นำออกจากพื้นที่แล้ว ขอให้มั่นใจว่า เครื่องกีดขวางอยู่ใกล้ตำรวจ ก่อนนำมาใช้ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นอันตราย หากเกิดเหตุอะไรตำรวจได้รับอันตรายก่อนอยู่แล้ว ส่วนความเสียหายตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย รถยนต์ของทางราชการ 7 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน ตู้ยามตำรวจและตู้ยามชุมชน 3 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินของประชาชนโดยรอบเสียหายด้วย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ภาพรวมการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. มีทั้งหมด 40 จังหวัด มีผู้เข้าร่วม 10,000 กว่าคน ส่วนของวันที่ 7 ส.ค. มีการจัดกิจกรรมคู่ขนาน 20 จังหวัด มีผู้เข้าร่วม 3,000 กว่าคน แยกออกเป็นส่วนชัดเจน คือ กลุ่มชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล และกลุ่มที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยยึดกรอบตามอำนาจกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
