MGR Online - ตร.เตือนม็อบ 7 ส.ค. เยาวชนปลดแอก ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พระบรมมหาราชวัง และคาร์ม็อบอาชีวะ ที่ทำเนียบฯ ชี้ ผิดอย่างต่ำ 6 ข้อหา สน.ปทุมวัน ฝากขัง 5 ราย ม็อบหอศิลป์ เผย ตัวเลขภาพรวมเอาผิดแล้วเกือบ 300 คดี พงส.เตรียมยื่นถอนประกันไม่ต่ำกว่า 5 ราย
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า กรณีมีการนัดหมายชุมนุมทางการเมือง ในวันที่ 7 ส.ค. ตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ประกอบด้วย 1. กลุ่มเยาวชนปลดแอก-Free Youth เวลา 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเคลื่อนขบวนไปพระบรมมหาราชวัง 2. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายธนเดช ศรีสงคราม หรือ ม่อน ยังไม่ทราบเวลา ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จัดกิจกรรมในลักษณะคาร์ม็อบ 2 ล้อ และเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล
เนื่องด้วยกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด บช.น.ขอเตือนว่าการชุมนุมปราศรัยทางการเมือง จะเป็นความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 216 และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เวลา 15.10-19.20 น. ที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ชุมนุมปราศรัยที่หน้าหอศิลป์ แยกปทุมวัน ภายหลังสามารถติดตามจับกุมผู้ขับรถยนต์เครื่องขยายเสียง และจัดอุปกรณ์เวทีได้ จำนวน 5 ราย ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, โฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, จอด หรือขับขี่รถยนต์บนทางเท้า ทั้งนี้ สน.ปทุมวัน ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดผัดฟ้อง และฝากขังต่อศาลแขวงปทุมวันแล้ว เมื่อวานนี้ (4 ส.ค.)
โดยขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ในภาพรวมของ บช.น.ที่ผ่านมาทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 293 คดี อยู่ระหว่างสอบสวน 97 คดี ส่งสำนวนให้อัยการ หรือสอบสวนดำเนินคดีแล้ว 196 คดี และได้สั่งการให้ สน.ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมชุมนุมต่าง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีทุกราย โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำที่ยังยุยงปลุกปั่นให้มวลชน หรือกลุ่มแนวร่วมก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง
“บช.น.ยืนยันว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง พกพาอาวุธ ดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย และบังคับใช้กฎหมายในทุกข้อหาอย่างแน่นอน” น.2 กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ผบช.น.ได้เรียกประชุมเตรียมความพร้อม ในการจัดกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ และโบราณสถานของประเทศชาติ รวมถึงสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน เบื้องต้นสรุปได้ว่าหากมีการชุมนุมบริเวณสถานที่ราชการใด ก็จะประสารให้เจ้าของสถานที่นั้นเป็นผู้ช่วยดูแล บริเวณถนนราชดำเนิน มีสถานที่ราชการหลายแห่ง อาทิ หน่วยงานทหาร ทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงต่างๆ ภารกิจรักษาความสวบเรียบร้อยในภาพรวม เป็นหน้าที่ของ บช.น.และ ตร.
ส่วนการประเมินสถานการณ์ตนมั่นใจว่า ผบช.น.ในฐานะที่เคยเป็น ผบก.อคฝ.มีวิสัยทัศน์และมีความชำนาญ จะสามารถดูแลรักษาภารกิจได้แน่นอน หากมีการค้างคืนถ้าไม่กระทบ หรือไม่เดือดร้อน หรือค้างคืนในที่ส่วนบุคคลตำรวจก็คงไม่ขัด แต่ถ้านอนปิดถนนแล้วผู้อื่นไม่สามารถสัญจรได้ และก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชน ยังไงตำรวจก็ไม่ยอมเด็ดขาดถ้ามีการละเมิดกฎหมาย หรือเหตุที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จนลุกลามบานปลายใหญ่โตตำรวจก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่
กรณีจะเกิดการปะทะกับอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่นั้นคงไม่มีการประทะ เพราะตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบ และป้องกันไม่ให้เหตุร้ายบานปลาย ตนมองว่าไม่ใช่มวลชนกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นคนไทยทั้งประเทศ ที่รักและหวงแหนสมบัติของชาติทุกคน และพร้อมที่จะปกป้อง แต่ว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า นอกจากนี้ สำหรับผู้ต้องหา หรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน ไม่ว่าชั้นพนักงานสอบสวน หรือชั้นศาลที่มีการกระทำผิดเงื่อนไข พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาล เพื่อเพิกถอนการประกันตัวไม่น้อยกว่า 5 ราย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า การชักชวนให้มวลชนเข้าร่วมชุมนุม คงเป็นเรื่องปกติของแกนนำแต่ละกลุ่ม จะเป็นการเรียกล่วงหน้า หรือเรียกกระชั้นชิดก็ตาม โดยตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 ได้ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแล้ว 500 กว่าคดี ในส่วนของ บช.น.มีทั้งสิ้น 293 คดี หากการชุมนุมสงบเรียบร้อยก็จะดำเนินคดีในภายหลัง แต่หากมีการล้ำเส้นเมื่อไรจะดำเนินการทันที เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ส่วนกรณีการชุมนุมที่ บก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี มีการออกหมายจับแล้วจำนวน 9 ราย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมดำเนินคดี
