MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ เผยรับสำนวนจากตำรวจ สภ.กะทู้ คดีนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขานาคเกิด บริเวณเหนือเขื่อนบางวาด จ.ภูเก็ต หลังสืบสวนเข้าข่ายคดีพิเศษ
วันนี้ (29 มิ.ย.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรมป่าไม้ได้มีหนังสือถึง ดีเอสไอ กรณีมีกลุ่มนายทุนร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันรุกป่าต้นน้ำเหนือเขื่อนบางวาด ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ และขอให้รับเรื่องเป็นคดีพิเศษ โดยสั่งการให้ กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ รับผิดชอบสืบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จากการสืบสวนพบพฤติการณ์การกระทำผิด โดยมีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด มีการนำเครื่องจักรกลหนักเข้าไปเปิดเส้นทาง มีการโค่นต้นไม้ที่อยู่ในระหว่างเส้นทางออก ตรวจพบมีการตัดฟันไม้พื้นล่างออกไป และมีการกานต้นไม้เพื่อให้ไม้ยืนต้นตาย
พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยว่า โดยมีเจตนาเพื่อเข้าไปยึดถือครอบครองป่าและที่ดินของรัฐ คำนวณเนื้อที่ได้ จำนวน 108-3-43 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 วรรคสอง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี วรรคสอง และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ โดยพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ เพื่อให้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และเมื่อสืบสวนเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจึงรับโอนคดีดังกล่าวมาทำการสอบสวนต่อไป
พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยอีกว่า ดีเอสไอ ได้พิจารณากระทำดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่บุกรุกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพพื้นที่ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญในพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ มีไม้ธรรมชาติขนาดใหญ่จำนวนมาก และเป็นป่าต้นน้ำของเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นแหล่งที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาที่สำคัญของ จ.ภูเก็ต จึงเป็นคดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ
“ล่าสุด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้เดินทางไปขอรับสำนวนคดี การบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด บริเวณเหนือเขื่อนบางวาด ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จากพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ มาเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เป็นคดีพิเศษที่ 37/2564 โดยมีการหารือกับพนักงานสอบสวนท้องที่เพื่อทราบรายละเอียดการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลและแนวทางในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป”