xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.แถลงผลทลาย 97 เครือข่ายยาเสพติด ยึดทรัพย์กว่า 2.4 พันล้าน ชี้เหตุไม่สงบในเมียนมาทำยานรกทะลักเข้าไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ผบ.ตร.นำทีมแถลงผลทลายเครือข่ายยานรก 97 เครือข่าย ยึดทรัพย์กว่า 2,400 ล้านบาท เผยเหตุความสงบในเมียนมาต้นเหตุยาเสพติดปริมาณมหาศาล ถูกผลักดันจากแหล่งผลิตทะลักเข้าไทย

วันนี้ (20 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ในรอบ 6 เดือน ยึดทรัพย์กว่า 2,400 ล้านบาท

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดที่ทำลายความมั่นคงของประเทศ ประกอบกับทุกครั้งการจับกุมคดียาเสพติดรายใหญ่แต่ละครั้งพบกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดยังคงใช้พื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเส้นทางหลักในการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเพื่อนบ้านมีฐานการผลิตยาเสพติดที่สำคัญ คือ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ จึงเอื้ออำนวยต่อการลำเลียงเข้ามายังภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาด้านจังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ และนครพนม เป็นส่วนใหญ่ก่อนจะลำเลียงเข้ามาพักไว้ในพื้นที่ตอนในของประเทศบริเวณรอยต่อพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ประกอบกับยุคเทคโนโลยีใหม่ขบวนการค้ายา จึงใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางซื้อขายยาเสพติด และใช้ระบบขนส่งโลจิสติกส์ในการลำเลียงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว สาเหตุสืบเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเมียนมา มีส่วนทำให้ยาเสพติดปริมาณมหาศาลถูกผลักดันออกจากแหล่งผลิต แหล่งพักการลำเลียงแต่ละครั้งมีปริมาณยาเสพติดมากขึ้น

“อีกทั้งรัฐบาลได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มสำหรับการเดินทางเข้า-ออกประเทศ บริเวณด่านพรมแดนและช่องทางธรรมชาติ รวมถึงการตรวจสอบโรคอย่างเข้มงวดตามเส้นทางคมนาคมระหว่างจังหวัดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้การจับกุมแต่ละครั้งตรวจยึดยาเสพติดได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ยาเสพติดก็แพร่ระบาดอย่างหนักเข้าไปสู่หมู่บ้าน ชุมชน จะเห็นได้จากภาพข่าวผู้เสพยาเสพติดทำร้ายคนในครอบครัว เหตุนี้รัฐบาลได้เล็งเห็นความเดือดร้อน จึงมีนโยบายมุ่งเน้นการสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายยึดอายัดทรัพย์สินบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดเป้าหมายในปี 2564 มูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท” ผบ.ตร.กล่าว


ล่าสุด บช.ปส.มีผลการจับกุมเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ คดีแรก เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. สนธิกำลัง ตำรวจภูธรภาค 5 ทหาร และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติดของเครือข่าย “นายจะฟู ทาปะ” ได้บนถนนเลี่ยงเมืองสาธารณะบ้านแม่ฮ่าง-บ้านสันต้นหมื้อ ม.6 หน้าโรงอบข้าวไวเจริญค้าข้าว ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 5,000,000 เม็ด ซุกซ่อนในกระสอบปุ๋ยวางอยู่ที่ท้ายกระบะของกลาง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1 ล้านถึง 5 ล้าน หรือประหารชีวิต”

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 บช.ปส., เจ้าหน้าที่กลุ่มงานการข่าว บก.ชส.บช.ปส., ตำรวจ สภ.เมือง จ.หนองบัวลำภู, สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ฉายา “นักบิน BMW” คือ นายเกียรติศักดิ์ หรือ เป้ ศรีรัตนาวดี อายุ 30 ปี นายอภิวัฒน์ หรือ เอก แซ่ภู่ อายุ 35 ปี และ นายอรุณศักดิ์ หรือ เก่ง ศรีสุวรรณ์ อายุ 25 ปี ได้บนถนนสายศรีชมพู ชุมแพ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ต่อเนื่อง ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะลำเลียงยาเสพติด เพื่อส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล ตรวจค้นรถยนต์พบของกลางไอซ์ น้ำหนักประมาณ 99 กิโลกรัม เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1 ล้านถึง 5 ล้าน หรือประหารชีวิต”


ขณะที่เป้าหมายการทําลายเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศตามนโยบายของรัฐบาล สํานักงานตํารวจแห่งชาติสามารถทําลายเครือข่ายรายใหญ่ 97 เครือข่าย โดยยึดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการกระทําความผิด ไว้เพื่อตรวจสอบเบื้องต้น เช่น สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 153 รายการ มูลค่ากว่า 955 ล้านบาท รถยนต์ 880 คัน มูลค่ากว่า 478 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 1,365 รายการ มูลค่ากว่า 85 ล้านบาท และอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมยึดทรัพย์สินทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 2,404 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40 ของเป้าหมายรัฐบาล

ถึงแม้การเดินหน้าปราบปรามของเจ้าหน้าที่ตํารวจ, ทหาร, ป.ป.ส., ปปง., DSI, สรรพากร และฝ่ายปกครอง จะเปิดปฏิบัติเชิงรุกอย่างหนัก แต่ปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในชุมชนและครอบครัว ยังคงเห็นและเกิดเหตุคนที่เสพยาทําร้ายคนในครอบครัวอยู่เนืองๆ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความเดือดร้อนของประชาชนและตระหนักถึงปัญหานี้ จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดทําโครงการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในชุมชน การบําบัดรักษา รวมไปถึงช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดแบบองค์รวม โดยใช้ชุมชน เป็นศูนย์กลางซึ่งสามารถดูแลผู้ป่วยที่ใช้ยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชน รวม 1,483 ชุมชน เพื่อให้ชุมชนทั่วประเทศได้นํารูปแบบไปเป็นแนวทางการปฏิบัติ ในการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น