การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงน่าเป็นห่วงแม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามหาทางป้องกันอย่างสุดกำลังความสามารถแต่ดูเหมือนว่ายังคงมีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติการณ์เป็นภัยเพราะนอกจากไม่สนใจความเป็นความตายของคนในชาติแล้วยังใช้อำนาจหน้าที่สมรู้ร่วมคิดกับนายทุนเห็นแก่ตัวลักลอบเปิดบ่อนการพนันในรูปแบบต่างๆทั้งบ่อนชนไก่ ตามต่างจังหวัดหรือบ่อนออนไลน์แบบใหม่คือเปิดให้ขาพนันมาเล่นได้เสียกันหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
สำหรับกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบัน กทม.ประกาศเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม มีข้อห้ามต่างๆมามากแต่ที่ตึกแถว 3 ชั้นแห่งหนึ่งท้ายซอยเพชรบุรี 5 เขตราชเทวี มีการลักลอบเปิดเป็นบ่อนพนันออนไลน์มาหลายเดือนแล้วโดยไม่มีตำรวจหน่วยงานใดมาจับกุมกระทั่งเกิดมีนักพนันติดโควิดฯภายในบ่อนแล้วนำไปติดภรรยา จากนั้นยังลามไปถึงคนใกล้ชิดจนเกิดการหวาดผวาเนื่องจากภายในซอยเพชรบุรี 5 นั้นช่วงท้ายซอยเชื่อมต่อกับเพชรบุรีซอย 7 มีบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ นับ 10 แห่ง เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมากส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างกระจายทำงานไปทั่ว กทม.ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับชุมชนคลองเตย หรือชุมชนอื่นๆจึงมีการร้องเรียนไปยังสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง และได้ลงพื้นที่ทำข่าวตามปกติโดยไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกว่าแท้จริงแล้วการแพร่ระบาดโควิด-19 ในชุมชนแห่งนี้มาจากบ่อนพนันออนไลน์ดังกล่าวนั่นเอง
บ่อนพนันแห่งนี้ เปิดบริการมาโดยตลอดแม้ช่วงเกิดการระบาดที่บ่อนพนัน จ.ระยอง ก็ยังคงเปิดตามปกติกระทั่งช่วงต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมามีชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คนอ้างว่าเป็นชุดเฉพาะกิจมหาดไทย เข้าจับกุมได้นักพนันราว 20 คนพร้อมเงินของกลางกว่า 1 แสนบาทในระหว่างนั้นทางเจ้าของบ่อนเจรจาขออย่าดำเนินคดีมีการเรียกร้องเงินจำนวน 5 แสนบาทพร้อมยึดเงินสดของกลางไปด้วยจึงสามารถตกลงกันได้และต่อจากนั้นบ่อนก็ยังคงเปิดให้นักพนันเข้าเล่นตามปกติ มีรายงานด้วยว่าภายในซอยเพชรบุรี 5 เคยบ่อนพนันขนาดใหญ่ถือเป็นตำนานคู่กับกรุงเทพฯมานับ 10 ปีแต่ปัจจุบันได้ปิดตัวลงแล้วแต่ด้วยชื่อเสียงในแวดวงนักพนันยังเป็นที่รู้จักบ่อนออนไลน์ดังกล่าวจึงมักอ้างว่าเป็นเครือข่ายซึ่งแท้จริงแล้วนายทุนเบื้องหลังคืออดีต สจ.ปล่อยเงินกู้มีอิทธิพลอยู่ในซอยเพชรบุรี 10 ส่วนผู้ดำเนินการใช้ชื่อ “รองจืด” หรือ “รองอ๊อด”แต่เป็นเพียงตำรวจสายสืบชั้นประทวนประจำสถานีตำรวจนครบาล แห่งหนึ่งใน กทม.