“ราชทัณฑ์” ย้ำ “เพนกวิน” ฝากคนอื่นโพสต์เฟซบุ๊กแทน ต้องรับผิดชอบหากเข้าข่ายความผิด

MGR Online - โฆษกราชทัณฑ์ แจงในเรือนจำห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด พบ “เพนกวิน” ฝากบุคคลภายนอกโพสต์ แต่ถ้าผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบด้วย ส่วนสภาพร่างกายช่วงอดอาหารยังไม่น่าเป็นห่วง

วันนี้ (25 มี.ค.) นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าการโพสต์โซเชียลมีเดียของผู้ต้องขังที่ยังปรากฏสู่สาธารณะว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เป็นการโพสต์โดยผู้ต้องขัง หรือโพสต์จากเรือนจำแต่อย่างใด เพราะในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ผู้ต้องขังไม่สามารถใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือสื่อสารได้ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองก็ไม่สามารถนำเข้าในเขตพื้นที่เรือนจำได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถโพสต์ข้อความเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง เบื้องต้นทราบว่าเป็นการฝากข้อความผ่านทางทนายความ และผู้ที่ไว้ใจโพสต์จากนอกเรือนจำ เนื่องจากเฟซบุ๊กแฟนเพจสามารถกำหนดสิทธิผู้ดูแล หรือให้รหัสสำหรับเข้าสู่ระบบกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องโพสต์ด้วยตัวเอง

“นายพริษฐ์ได้เคยลงบันทึกข้อความไว้แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา ว่าข้อความและถ้อยคำที่ตนเองสื่อสารออกไปเป็นการฝากบุคคลภายนอกโพสต์แทนตนเอง การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังที่จะกระทำได้ แต่ก็ต้องรับผิดชอบในเนื้อหาที่โพสต์ร่วมกับผู้โพสต์ข้อความเหล่านั้นเอง หากพบว่าเป็นข้อความในลักษณะที่เป็นความผิดทางอาญา หรือไปละเมิดผู้อื่น” นายธวัชชัยกล่าว

นายธวัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการควบคุมตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีนั้น อาการล่าสุดหลังจากทีมแพทย์และพยาบาลเข้าตรวจ พบว่าระดับความรู้สึกตัวดี มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และยังพบผื่นคันบริเวณหน้าอกและหลังอยู่ ส่วนสัญญาณชีพโดยรวมปกติ อุณหภูมิร่างกาย อัตราเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ความดันโลหิตปกติ ไม่พบอาการแสดงของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยจากการพูดคุยและสังเกตอาการพบว่านายพริษฐ์เริ่มคลายความวิตกกังวลลงเนื่องจากไม่มีความกดดันจากสภาพความเป็นอยู่

นายธวัชชัยกล่าวปิดท้ายว่า เบื้องต้นยังคงงดการเยี่ยมญาติแบบปกติอยู่เนื่องจากอยู่ในระยะกักตัว 14 วัน และเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานียังงดการเยี่ยมญาติแบบปกติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเข้าพบได้เพียงทนายความเพื่อปรึกษาคดีผ่านห้องเยี่ยมญาติเท่านั้น แต่หากญาติต้องการเยี่ยมเพื่อพูดคุยเห็นใบหน้า สามารถเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอคอลด้วยแอปพลิเคชันไลน์ได้ โดยการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ในการเยี่ยมกับทางเรือนจำหรือสถานกักขังโดยตรงได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) เวลาประมาณ 12.00 น. ทนายความได้เข้าเยี่ยมนายพริษฐ์ โดยเป็นการพูดคุยผ่านห้องเยี่ยมญาติเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับคดีความ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอย่างใกล้ชิด