นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงความคืบหน้าเกี่ยวกับการนำจดหมายออกนอกเรือนจำของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และนายอานนท์ นำภา ว่าถูกส่งให้บุคคลภายนอกได้อย่างไร และสามารถโพสต์บนสื่อโซเชียลได้อย่างไร รวมถึงกรณีการย้ายตัวนายพริษฐ์ ไปที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ในเวลากลางคืนถูกต้องหรือไม่
นายธวัชชัย ชี้แจงว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดและถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในระหว่างที่นายพริษฐ์ และนายอานนท์ ถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตรวจสอบความเรียบร้อยของผู้ต้องขังทุกครั้ง โดยเฉพาะการตรวจสอบสิ่งของต่างๆ เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าและออกเรือนจำ ซึ่งในขณะที่ค้นตัวก่อนและเข้าเรือนจำในวันดังกล่าว ไม่พบเอกสารหรือจดหมายในตัวของผู้ต้องขังทั้งสองรายแต่อย่างใด
ในส่วนของการโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเดียของผู้ต้องขังที่ปรากฏสู่สาธารณะนั้น ยืนยันตามที่กรมราชทัณฑ์ได้เคยชี้แจงไปแล้วว่า ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ผู้ต้องขังไม่สามารถใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือสื่อสารได้ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองก็ไม่สามารถนำเข้าในเขตพื้นที่เรือนจำได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย จะสามารถโพสต์ข้อความเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง เบื้องต้นทราบว่าเป็นการฝากข้อความผ่านทนายความและผู้ที่ไว้ใจในการโพสต์จากข้างนอกเรือนจำ ทั้งนี้ เจ้าของเฟซบุ๊กเพจสามารถกำหนดสิทธิ์ผู้ดูแล หรือ Admin ให้ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องโพสต์ด้วยตัวเอง ซึ่งในกรณีดังกล่าว นายพริษฐ์ ได้เคยลงบันทึกข้อความไว้แล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ว่า ข้อความและถ้อยคำที่ตนเองสื่อสารออกไปเป็นการฝากบุคคลภายนอกโพสต์แทนตนเอง
สำหรับประเด็นการย้ายที่คุมขังของนายพริษฐ์ นั้น เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอาญา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 โดยให้กักขังเป็นเวลา 15 วัน นายพริษฐ์ จึงถูกส่งตัวไปรับโทษกักขังยังสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ในวันเดียวกัน จากเดิมที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไม่ใช่สถานที่กักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 24 วรรคหนึ่ง จึงไม่อาจบังคับโทษกักขังตามคำพิพากษาของศาลได้ แต่หากนายพริษฐ์ ได้รับโทษกักขังครบตามคำพิพากษาของศาลแล้ว (จะครบกำหนด 15 วัน ตามคำพิพากษาของศาลในวันที่ 6 เมษายน 2564) สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ก็จะต้องส่งตัวนายพริษฐ์ กลับมาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามเดิม เพื่อรอการพิจารณาคดีอื่นที่ยังคงเหลืออยู่
นายธวัชชัย กล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการย้ายตัวในเวลากลางคืน ว่า กรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม และเป็นงานลักษณะพิเศษที่ต้องดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับหมายศาลมาเวลาใด เจ้าหน้าที่ต้องรีบดำเนินการในทันทีให้ถูกต้องตามระเบียบ จึงดำเนินการส่งตัวไปที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ในเวลากลางคืนหลังจากได้รับหมายศาล ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของงานราชทัณฑ์ โดยขั้นตอนการดำเนินการทุกอย่าง จะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะมีการดำเนินการแล้วเสร็จ เพราะเป็นระเบียบปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ในเรื่องของความปลอดภัยระหว่างขนย้ายผู้ต้องขัง ไม่สามารถแจ้งญาติหรือบุคคลภายนอกให้ทราบล่วงหน้าได้
นายธวัชชัย เปิดเผยเพิ่มเติมถึงอาการล่าสุดของนายพริษฐ์ หลังจากอดอาหารเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ว่า จากการตรวจร่างกายในช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) พบว่านายพริษฐ์ มีผื่นคันที่หน้าอกและหลัง และมีอาการอ่อนเพลียลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สภาพร่างกายทั่วไปยังไม่น่าเป็นห่วง และนายพริษฐ์ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารและการตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว เนื่องจากวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ให้คำแนะนำการรับประทานอาหารและจัดเตรียมผงเกลือแร่ นม น้ำหวาน และโอวัลติน ให้แก่นายพริษฐ์ พร้อมทั้งเตรียมพร้อมตลอดเวลาหากเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน