MGR Online - โฆษก ตร.เผยหนังสือรับโอน “บิ๊กโจ๊ก” ถึง ตร.แล้ว รอกำลังพลประมวลเรื่องเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาสั่งการ ยังไม่ชัดตำแหน่งเท่าเดิมหรือสูงขึ้น ยันเป็นการบริหารราชการปกติ ไม่มีเหตุผลพิเศษ
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการรับโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือลงนามโดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเทียบโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ หลังจากเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ตัดโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) โดยขณะนี้สำนักงานกำลังพลอยู่ระหว่างการประมวลเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อกลั่นกรองก่อนเสนอ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พิจารณาสั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้อง คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวต่อไปว่า ตนยังไม่สามารถตอบได้ว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นเมื่อใด และจะสามารถดำเนินการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในวาระเดือนเมษายนหรือไม่ ส่วนเรื่องเหตุผลความจำเป็นในการเทียบโอน ตามหนังสือของสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุเพียงว่านายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชามีอำนาจบรรจุแต่งตั้ง เห็นควรให้มีการตัดโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจ โดยไม่ได้ให้เหตุผลใดเป็นพิเศษ
“สถานะของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขณะนี้ถือว่ามีการตัดโอนมาแล้ว ตามหนังสือของสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 5 มี.ค. หนังสือมาถึง ตร.เมื่อวันที่ 8 มี.ค. แต่ยังมีกระบวนการทางธุรการ เป็นเรื่องทางเทคนิคกำลังพลซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นระบบการบริหารราชการตามปกติที่มีการโอนย้ายข้ามหน่วยงาน เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าของข้าราชการทั้งหมดอยู่แล้ว มีอำนาจที่จะดำเนินการให้การทำงานของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” โฆษก ตร.ระบุ
พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 12 มี.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมีวาระกำหนดตำแหน่งระดับ ผบช.4 ตำแหน่ง และ ผบก.4 ตำแหน่ง ซึ่งในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมาได้ส่งเรื่องกลับมาให้ ตร.นำไปกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งที่เปิดใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ตามวาระยังไม่มีการพูดคุยเรื่อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการกำหนดตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อรองรับการเทียบโอนนั้นตนยังไม่เห็นวาระดังกล่าว แต่หากมีก็จะชี้แจงให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนว่าจะมีการรับโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มาดำรงตำแหน่งใดจะต้องมีการกำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับหรือไม่ พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า ตรงนี้ต้องรอให้สำนักงานกำลังพลประมวลเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา ตนยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะต้องมีการกำหนดตำแหน่งขึ้นมาใหม่ หรือจะชดเชยจากตำแหน่งที่มีอยู่เดิม ส่วนเมื่อรับโอนกลับมาแล้ว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะดำรงตำแหน่งระดับ ผบช. หรือตำแหน่งที่สูงขึ้น ตรงนี้อยู่ระหว่างการประมวลของสำนักงานกำลังพล ตนยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การเทียบตำแหน่งมีระเบียบของ ก.พ.อยู่แล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นข้าราชพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนักบริหารระดับสูง ตามหลักแล้วเมื่อโอนย้ายกลับมา ตำแหน่งที่ได้รับก็ต้องไม่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิม
ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์นั้น โฆษก ตร.กล่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รับราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี การตั้งกรรมการ หรือการตรวจสอบอื่นใดเกี่ยวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ อยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระบวนการต่อจากนั้นตนยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ หลังจากนี้คงจะต้องมีการประสานกับสำนักนายกรัฐมนตรีว่ามีเรื่องใดบ้างที่ดำเนินการแล้ว หรือยังไม่แล้วเสร็จ และจะให้ ตร.ดำเนินการอย่างไร คงต้องรอการประสานงานก่อน
มีรายงานว่า สำหรับการโอนย้ายกลับมาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการโอนข้าราชการซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจหรือการโอนพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 4 ประกอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตำแหน่งของ ก.พ. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สามารถโอนย้ายกลับมาในตำแหน่งเทียบชั้นยศ พล.ต.ท.ได้ทั้งตำแหน่งระดับเดิม ผบช.เท่าตอนถูกโอนย้ายไป หรือขยับสูงขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งอำนาจในการพิจารณารับโอนเป็นของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. โดยพิจารณาจากอัตราเงินเดือน ประสบการณ์ ความเหมาะสม กฎหมาย และตำแหน่งที่ว่างอยู่
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในวันที่ 12 มี.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมีวาระกำหนดตำแหน่งระดับ ผบช.4 ตำแหน่ง และ ผบก.4 ตำแหน่ง เพื่อทำหน้าที่บริหารและขับเคลื่อนงานด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตร. คาดว่าในสัปดาห์ถัดไปจะมีการประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลวาระเดือนเมษายน โดยอาจจะมีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ในคราวนี้ด้วย ดังนั้น หากมีตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร.หรือเทียบเท่าว่างลงก็เป็นช่องทางที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะโอนย้ายกลับมาได้ในตำแหน่งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือเข้าสู่ตำแหน่งระดับ ผบช.