รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง เตรียมเอาผิด พ.ร.บ.ธง ม็อบเปลี่ยนธงชาติเป็นผ้าแดงมีข้อความว่า“112” โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคนใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นสถานที่ราชการ และคนชูป้ายผ้าข้อความจะถูกดำเนินคดีเพิ่มข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน พ่วงความผิด ม.9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมโรค โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2564 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ1 ได้เดินทางมาที่สภ.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบข้อเท็จจริง กรณีมีกลุ่มมวลชนมาร่วมชุมนุมบริเวณหน้า สภ.คลองหลวง เพื่อกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้มีการนำธงชาติลงจากยอดเสา และนำเอาผ้าสีแดงคล้ายธง มีข้อความว่า “112” ขึ้นสู่ยอดเสาแทน การกระทำในลักษณะนี้ถือว่าเป็นกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยมีพล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการนำธงชาติลงจากยอดเสา และนำเอาผ้าสีแดงคล้ายธง มีข้อความว่า “112” ขึ้นสู่ยอดเสาแทน การกระทำในลักษณะนี้ถือว่าเป็นกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถือว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย ข้อหาฝ่าฝืนการใช้ ชัก หรือแสดงธงที่มีความหมายถึงประเทศไทย หรือชาติไทย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้แล้วยังมีการฉีดพ่นสีสเปรย์บนสถานที่ราชการ และมีการชูป้ายผ้ามีข้อความที่เข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งหากพิสูจน์ทราบได้ใครเป็นผู้กระทำก็จะต้องออกหมายเรียกมาดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วย
สำหรับการที่มวลชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงนี้นั้นเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งพบว่าไม่ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน และไม่มีมาตรการทางสาธารณสุข เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เข้าข่ายมีความผิดตามข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งห้ามมิให้มีการชุมนุม ทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ที่มาร่วมชุมนุมจะถือว่ามีความผิดทุกคน เว้นแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา เช่น ทนายความ ญาติ หรือบุคคลที่ผู้ต้องหาร้องขอให้มาร่วมรับฟังการสอบสวน คาดว่าทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้กระทำผิดที่พิสูจน์ทราบชื่อในวันพรุ่งนี้ จึงฝากเตือนกลุ่มความเห็นต่างว่าการใช้สิทธิเสรีภาพขอให้คำนึงหลักกฎหมาย อย่าเกินกรอบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่รักษากฎหมายจึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ซึ่งกำลังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด
ด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า การที่กลุ่มมวลชนของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มาในวันนี้เขามาเพราะมีชื่อเขาอยู่ เราไม่ได้ออกหมายเรียกอะไรไป และเขาก็มาพบตำรวจ มากันเพียง 10 กว่าคน เพราะให้กำลังใจกัน เราก็บริการเป็นอย่างดี สภ.คลองหลวง ก็กลายเป็นเป้าหมายของเขา เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ถ้าเขาไม่เตรียมตัวมาจะเอาแพะมาจากไหน ซึ่งก็เป็นบทเรียนของตำรวจ เขาเอาแพะ เอาป้ายที่มีข้อความไม่เหมาะสมมากระทำกันแบบนี้ โดยที่นายชยพล หรือเดฟ มากับพวก 10 กว่าคน ระหว่างนั้นก็ได้มีกลุ่มมวลชนทยอยมาประมาณ 50 กว่าคน ขณะที่มีตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อย จากนั้นกลุ่มของเพนกวิน รุ้ง และกลุ่มการ์ดวีโว่ก็ได้นำแพะมา และมีป้ายมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ซึ่งไม่ถูกต้อง ตำรวจทั้งหมดได้เข้าไปเจรจา ทางกลุ่มมวลชนก็บอกว่าตำรวจไปทำร้ายประชาชน และก็เกิดชุลมุนกัน และก็ไม่คิดว่าเขาเอาการ์ด 5 คนไปที่เสาธงชาติและแกะธงชาติออก แล้วได้นำผ้าสีแดงที่มีเลข 112 ชักขึ้นไปยอดเสาธงและถ่ายรูปว่าทำสำเร็จแล้ว ตำรวจใช้ไม้อ่อนมาโดยตลอด แต่หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทุกข้อกล่าวหา คือ การรวมตัว พ.ร.บ.การชุมนุม เรื่องของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.ก.การควบคุมโรค และเกี่ยวกับธงชาติไทยด้วย ซึ่งเมื่อภาพออกไปมันเป็นภาพลักษณ์ที่เสียว่าตำรวจไม่ทำอะไรเลย ทำไมปล่อยให้เขาทำกันแบบนั้น ก็ฝากถึงพี่น้องประชาชนช่วยเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย