MGR Online -“บิ๊กอู๊ด” ชี้ตำรวจเข้าไม่ถึงพื้นที่ชุมนุม ส่งผลดูแลไม่ทั่วถึง ยินดีหากเรียกใช้ “รองฯ อุ้ย” เผยพบการ์ด 2 กลุ่มมีปัญหามานาน 2 เดือน ส่วนปืนของกลางมีทะเบียน รอตรวจสอบชื่อคนครอบครอง
วันนี้ (26 พ.ย.) เวลา 21.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น.(งานสืบสวน) แถลงความคืบหน้าเหตุวุ่นวายเสียงปืนและระเบิดดังขึ้น หลังยุติการชุมนุมม็อบราษฎรฝั่งตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นเหตุให้การ์ดอาชีวะถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และผู้ก่อเหตุถูกรุมประชาทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (25 พ.ย.)
พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ยืนยันว่าชายทั้ง 2 คน คือ นายประชากร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี สวมเสื้อสีน้ำเงิน ใส่กางเกงขายาวสีดำ ได้รับบาดเจ็บถูกยิงบริเวณท้อง นำส่ง รพ.พระราม 9 และนายภาสพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี สวมเสื้อสีเข้ม ใส่กางเกงขาสั้นสีครีม ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำบริเวณใบหน้า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นำส่ง รพ.เซนต์หลุยส์ ได้อยู่ในพื้นที่ชุมนุมทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัย ส่วนสาเหตุเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม เรื่องมาตรการป้องกันห้ามนำอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุม ตำรวจได้เพิ่มความเข้มงวดดูแลประชาชนทุกฝ่าย โดยปกติตำรวจเป็นผู้กำหนดขอบเขตการชุมนุมเพื่อไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการทะเลาะ หรือเผชิญหน้า เนื่องจากการชุมนุมครั้งล่าสุดรวมถึงในหลายครั้ง ตำรวจไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ชุมนุมได้ ส่งผลให้การดูแลไม่ทั่วถึง แต่ยินดีหากผู้ชุมนุมประสานขอกำลังตำรวจ
พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวว่า วันเกิดเหตุมีกลุ่มชายวัยรุ่นประมาณ 4 คน สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินคล้ายเสื้อทีม โดยหนึ่งในนั้นสวมหมวกกันน็อกสีขาว สวมเสื้อแขนยาวสีเข้ม ใส่กางเกงขายาวสีครีม ปาวัตถุคล้ายระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปทางแยกรัชโยธิน ขณะที่ นายภาสพงศ์ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังวิ่งไล่ตามจับมือปาระเบิดอีก 4 นัด
จากข้อมูลทางโซเชียลมีเดียทราบว่าทั้ง 2 กลุ่มมีปัญหาขัดแย้งกันมานานกว่า 2 เดือน โดยที่ความขัดแย้งของทั้ง 2 สถาบันก็มีอย่างต่อเนื่อง เป็นสาเหตุหนึ่งในการก่อเหตุครั้งนี้ อาวุธปืนเป็นคนละชนิดที่ใช้ก่อเหตุที่แยกเกียกกาย เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เป็นปืนลูกโม่ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน (Smith & Wesson) ขนาด .38 มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ระหว่างตรวจสอบชื่อผู้ครอบครอง ลายพิมพ์นิ้วมือ และคราบเขม่าดินปืน ขณะเดียวกันผู้ที่ก่อเหตุขว้างวัตถุคล้ายระเบิด ตำรวจได้เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
