“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 2 พศจิกายน 2563 ตอน อานันท์ ปันยารชุน ชื่อนี้มีไว้ดับไฟ..?
ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ท่ามกลางวิกฤติของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำลังประสบปัญหาถูกม็อบ 3 นิ้ว ชุมนุมขับไล่ตามขยี้ให้ออกไป จากหัวหน้ารัฐบาล เป็นเวลาตลอดหลายเดือนที่ผ่าน แม้อุณหภูมิความร้อนแรงไม่ได้ลดลงไป แต่พลเอก ประยุทธ์ ก็มีช่องทางหลบหลีก
โดย พลเอกประยุทธ์ กำลังอาศัยการสวมบททาร์ซาน ลอยตัวข้ามสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง และพายุปัญหาที่พุ่งเข้าใส่อย่างเนียนๆ
ขณะที่จะปัดปัญหาให้พ้นตัวได้เงียบๆ แต่จู่ๆกลับมีเสียงดังๆมากระตุกไว้ เป็นสุ้มเสียงจากผู้ดีรัตนโกสินทร์ คนที่มีระดับเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย คือนาย “อานันท์ ปันยารชุน” ชื่อนี้ที่ลือกันว่า มีไว้ดับไฟ ! เสียด้วย
อดีตนายกฯ อานันท์ ไปเวทีเสวนา แล้วพูดตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเสียงประชาชนหรือไม่ แม้จะเป็นคำถามแรง แต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ยังหลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้ จะมีแต่เพียงบรรดาลูกหาบของรัฐบาล ที่ออกมาปกป้องผู้เป็นนาย และตอบโต้ อานันท์
คำกล่าวของอานันท์ ใครฟังก็ต้องคิดว่ากำลังจะเข้าข้างม็อบราษฎร ที่ชงข้อเสนอสุดโต่ง ทะลุเพดาน ท่าทีแบบนี้มันน่าจะมีคนสวนหมัดกลับบ้าง แต่ก็ไม่เห็นมีใคร อาจจะเพราะบารมีที่สั่งสมของ อานันท์ ทำให้ไม่มีใครอยากจะปีนเกลียว
ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่า อานันท์มีความใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจเช่นกัน และเป็นที่ยอมรับได้ระดับหนึ่งว่าอานันท์ ไม่ใช่อดีตนายกฯ ที่มีรอยด่างพร้อย หรือมีจุดเสียให้ตำหนิ เหมือนคนอื่นๆ
ดังนั้น การออกมาพูดระหว่างสถานการณ์บ้านเมืองกำลังร้อนฉ่า เสี่ยงจะเผชิญหน้ากัน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องหยุดและหันมาฟังคำแนะนำจากอดีตนายกฯ 2 สมัย
โดยอานันท์ แทบจะเป็นนายกฯไม่กี่คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ได้รับการยกย่อง ยอมรับในฝีไม้ลายมือ และถูกพูดถึงบ่อยเวลาที่บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก
ชื่อของ อานันท์ ยังถูกพูดถึงเสมอในฐานะ “นายกฯคนกลาง” ในเวลาบ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่หลายคนเริ่มมองมาที่ อานันท์ อีกครั้ง หลังจากกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเสียงประชาชนไหม?
เพราะสัญลักษณ์ของ อานันท์ คือ “คนกลาง” ที่เข้ามาสางปัญหาออกจากความขัดแย้งในอดีตมาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา เป็นบุคคลที่เหมือนเข้ามาทำหน้าที่หย่าศึก ไม่ให้สูญเสีย
อานันท์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ สมัยแรกระหว่างวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 - ถึง 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ภายหลังการรัฐประหารโดยคณะรสช. ปี พ.ศ. 2534 จากการเสนอชื่อโดย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น ที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์เหมือนกัน
สิ่งที่ อานันท์ ทำในระยะเวลาสั้นๆ คือ การร่างรัฐธรรมนูญ และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังเสร็จภารกิจ อานันท์ ได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากแต่อานันท์ต้องกลับมาอีกครั้ง เพราะความขัดแย้งอย่างหนักของคนในประเทศ
หลังจากที่ประชาชนชุมนุมประท้วงขับไล่พลเอก สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี จนนำมาสู่การใช้กำลังปะทะ และปราบปรามในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หรือที่รู้จักกันใน “เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ”
ภายหลัง “บิ๊กสุ” พลเอกสุจินดาประกาศลาออก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ได้ตัดสินใจเสนอชื่อนายอานันท์ ขึ้นทูลเกล้าฯ แทนที่จะเป็น พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์
“นายกฯอานันท์” พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งฯสมัยที่สอง ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 และจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ เป็นรัฐมนตรีที่เคยดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยแรก
เป็นอีกครั้งที่ อานันท์ ใช้เวลาอยู่บนตำแหน่งไม่นาน โดยอยู่จนถึงเดือนกันยายนปีเดียวกัน ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง และมีนายกฯคนใหม่ชื่อ ชวน หลีกภัย
ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน เกิดความขัดแย้งอย่างหนัก ส่วนหนึ่งมาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งคล้ายคลึงกับสิ่งที่ “บิ๊กสุ” เคยทำมาในอดีต จนประชาชนออกมาฮือไล่
พร้อมกับมีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่กลไกคณะกรรมการสมานฉันท์ที่รัฐสภากำลังจะตั้ง ดูเหมือนจะล่มตั้งแต่ปากอ่าว เพราะถูกมองว่า เป็นการซื้อเวลา และเป็นกันชนให้กับรัฐบาลเท่านั้น
ทำให้สถานการณ์ในประเทศเหมือนกำลังจะเข้าสู่ทางตันไปทุกขณะ แต่ในขณะเดียวกัน ปฏิกิริยาของมวลชนฝ่ายต่างๆ ต่อคำพูดของ อานันท์ ก็ชวนให้น่าจับตา เพราะม็อบเองก็ไม่ได้ต่อต้านชื่อ อานันท์ หรือกลุ่มเสื้อเหลืองเองก็ตาม
อานันท์ เป็นผผู้ที่นักการเมืองและสังคมให้ความเคารพ เป็นผู้ใหญ่ที่คนรุ่นใหม่เข้าถึง ดังที่เคยปรากฎภาพ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าไปขอคำชี้แนะ หรือการปรากฏภาพไปนั่งร่วมงานวันคล้ายวันเกิด ประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว. ซึ่งเต็มไปด้วยอดีตแกนนำสีเสื้อต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีสายสัมพันธ์และคอนเนกชั่นที่ดีกับต่างประเทศ เพราะเคยทำงานในต่างประเทศมานาน ไม่ว่าจะเป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา อดีตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ อดีตสมาชิกคณะมนตรีไตรภาคีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ที่สำคัญ ยี่ห้อ อานันท์ ไม่เคยสืบทอดอำนาจ เมื่อเสร็จภารกิจก็ยุติบทบาททันที ชื่อนี้ จึงถูกจับตาอย่างมากว่า บทบาทจากนี้น่าจะเป็นคนสำคัญในฐานะตัวเลือกที่ลงตัว ทุกขั้วรับได้