MGR Online - ผบ.ตร. กำชับดูแลสวัสดิการตำรวจควบคุมฝูงชน ทั้งอาหาร ที่พัก รวมทั้งเบี้ยเลี้ยง ให้คำมั่นจะทำให้ดีกว่าเดิม ย้ำตำรวจเป็นขี้ข้ากฎหมาย ต้องทำตามหน้าที่ รักษากติกาของบ้านเมือง
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการดูแลสวัสดิการตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ที่มาปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม ว่า ตนได้พูดคุยกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสำนักงานส่งกำลังบำรุง ที่ร่วมกันดูแลที่พัก เราก็พยายามหาที่พักและอาหาร ให้ดีกว่านี้ และได้รับคำชี้แจงจากทางนครบาล ว่า สำหรับอาหาร ได้มีการประกวดร้านค้าเข้ามา แต่ร้านไหนที่ไม่ผ่านมาตรฐานและถูกร้องเรียนมา เขาก็ตัดออกและเปลี่ยนร้านใหม่ ซึ่งตนก็บอกว่าให้ไปหาร้านที่ดีกว่านี้มา
“ฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาทุกคนว่าต้องดูแลลูกน้องเราเอง ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่มีใครดูแลเรานอกจากเราดูแลกันเอง และฝากไปถึงเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยว่า ผู้บังคับบัญชาจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ ส่วนเรื่องเบี้ยเลี้ยงของตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ ขอให้เรื่องเบี้ยเลี้ยงโควิดเป็นบทเรียน หวังว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้ว หากเกิดขึ้นซ้ำอีกก็ต้องลงโทษตามพยานหลักฐาน เรื่องเบี้ยเลี้ยงโควิดเช่นกัน ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน อย่างไรต้องมีคนรับผิดชอบ” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนเองมีความเห็นใจเขา เป็นห่วงเรื่องที่พัก ที่อยู่ ที่กิน บางคนได้รับรายงานมาว่าเป็นเก๊า เพราะกินไก่ 3 มื้อ ตนก็ให้หมอโรงพยาบาลตำรวจไปตรวจเยี่ยมดูแล เราต้องดูแลกัน ตนเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ที่มา เพราะเขาเชื่อว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือ มาทำหน้าที่ เขาไม่รู้หรอกว่า ใครเห็นด้วยกับใคร เขามาทำหน้าที่รักษากฎหมาย ไม่ได้มาสู้รบกับใคร ก็ขอให้เข้าใจ
“บางทีเราไปพูดกับลูกน้องก็อยากให้เขาผ่อนคลาย ให้เขาสบายใจ เพราะมันมาจากประสบการณ์ในชีวิตผมเองที่ทำมา เราไม่ได้ตั้งเป้าให้ลูกน้องไปสู้รบปรบมือกับใคร แต่เราอยากให้เขาเข้าใจผู้บังคับบัญชาว่า เมื่อมีหน้าที่ต้องทำ เราก็ต้องทำไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ อยากให้เขาคิดแบบนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าลูกน้องส่วนใหญ่คิดแบบนั้น” ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวถึงกรณีตำรวจทำสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วเหมือนกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า ต้องดูว่าบางคนอาจทำด้วยความคึกคะนอง บางคนอาจทำเพราะเห็นด้วย บางคนอาจจะทำเพื่อลดความรุนแรงในขณะนั้น แต่ละคนมีเหตุผล ถ้าอะไรที่ผิดเพี้ยนไป ก็ต้องทำความใจ การจะไปฟันธงว่าเขาผิด ไม่ใช่นิสัยตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อหรือไม่ ผบ.ตร. เพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่มาเจอเรื่องหนักแบบนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า งานตำรวจเป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต อาจมีเบาบ้าง หนักบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ตนไม่ได้รู้สึกเครียดหรือกดดันอะไร เพราะอีก 2 ปี ตนก็กลับบ้านแล้ว เพียงแต่ว่าเป็นห่วงอนาคตองค์กรจะเป็นอย่างไร ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ชาวบ้านจะอยู่อย่างไร ตนคิดว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังมองหาอนาคตอยู่ว่า เรื่องนี้จะจบอย่างไร
เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ที่สังคมตำหนิตำรวจว่าเป็น “ขี้ข้าเผด็จการ” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เราเป็นขี้ “ข้าของกฎหมาย” ที่บังคับให้เราทำอยู่ วันนี้เราถือกฎกติกาบ้านเมือง ถามว่า มีกฎกติกาอื่นให้เราเลือกหรือไม่ วิธีการบริหารราชการปัจจุบันเป็นแบบนี้ เราก็ต้องยึดถือ เราไม่ยึดถือตรงนี้แล้วใครจะยึดถือ เราเป็นคนรักษากติกาของคนทั้งประเทศของตนทุกฝั่ง หากเราไม่ทำก็ไม่มีคนอื่นทำ