MGR Online - รอง ผบช.น.เผยม็อบชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พบมีการพังรั้วสกายวอล์ก นำกระดาษปิดกล้องวงจรปิด เตรียมดำเนินคดีทุกราย
วันนี้ (15 ต.ค.) เวลา 22.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมากระทั่งมีการประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 22.00 น. ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางกลับ โดยการดูแลการชุมนุมวันนี้ตำรวจได้ใช้กำลัง 15 กองร้อย จำนวน 2,325 นาย ในการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุม ถือว่าสามารถดูแลการชุมนุมให้ผ่านไปได้ด้วยดีไม่เกิดการวุ่นวายหรือกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อไปว่า การชุมนุมดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่มาชุมนุมจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ตำรวจได้มีการบันทึกภาพและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินคดีเมื่อไรอย่างไรก็จะต้องมีการพิจารณา ส่วนกลุ่มวันนี้จากการประเมินตามหลักวิทยาศาสตร์มีประมาณกว่า 1 หมื่นราย เป็นไปตามที่มีการประเมินของเจ้าหน้าที่
“พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ฝากถึงประชาชนที่มาร่วมชุมนุมว่าขอให้คิดให้รอบคอบ เนื่องจากหากมีการกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจะมีประวัติติดตัวและมีผลกระทบต่อไปในอนาคต โดยประชาชนที่จะนำรถบรรทุกน้ำ อาหาร รถขยายเสียงเข้ามาในพื้นที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายในวันพรุ่งนี้”
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า แกนนำที่ถูกควบคุมตัวยังอยู่ที่ 22 ราย แบ่งเป็นแกนนำที่ถูกจับกุมตามหมายจับ 4 ราย รวมถึงแนวร่วมที่มีความผิดซึ่งหน้าจำนวน 18 คน โดยจะส่งห้องฝากขังดำเนินคดีต่อไป ส่วนกรณีที่มีรายงานว่านายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ถูกตำรวจควบคุมตัวนั้นยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ชุมนุมบางส่วนได้พังประตูเหล็กสกายวอล์ก บริเวณทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โรงพยาบาลตำรวจ มุ่งหน้าบีทีเอสสยาม การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดเนื่องจากเป็นการกระทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ยอกจากนี้ยังพบผู้ชุมนุมนำกระดาษไปปิดกล้องวงจรปิดอีกด้วย
“อันนี้หรือที่บอกว่าการชุมนุมโดยสงบ การกระทำความผิดนี้หากทำผิดไปแล้วไม่ว่าแบบใดก็ตามขอให้ประชาชนศึกษาข้อมูลมาให้ดีๆ เพราะหากถูกดำเนินคดีไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้ โดยขอให้ไปศึกษาแกนนำหรือผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้า” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว และว่า ส่วนกรณีผู้ชุมนุมกดดันให้มีการปล่อยตัวแกนนำที่ถูกดำเนินคดีนั้น การปล่อยตัวแกนนำนั้นต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนตามกฎหมาย เพราะหากไม่ทำผิดก็จะไม่ถูกดำเนินคดี หลังจากนี้ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม