MGR Online - ป.ป.ท. มีมติไม่อุทธรณ์ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินจำคุก 105 ปี อดีตอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา เบิกจ่ายเงินประกันวิชาการเข้ากระเป๋าตัวเอง
วันนี้ (8 ต.ค.) พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคดี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้กล่าวหา นายกฤดิพัฒน์ กัววงศ์ ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่ง อาจารย์ 1 ระดับ 6 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ว่า กระทำการทุจริตในภาครัฐ กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 22 มี.ค. 48 ถึงวันที่ 14 ส.ค. 50 โดยผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายเงินประกันคุณภาพทางวิชาการของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ทำการเบิกจ่ายเงินจากธนาคารเกินกว่าจำนวนเงินตามเอกสารฎีกาการเบิกเงินหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกัน และเบียดบังเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ซึ่งเป็นทรัพย์สินของราชการไปเป็นของตนเอง โดยไม่คืนภายในเวลากำหนด คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาแล้วในคราวประชุมครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 59
โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161 และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ได้ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 63
กระทั่งเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 63 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) มาตรา 161 (เดิม) ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 39 กระทง เป็นจำคุก 195 ปี และจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 105 ปี แต่ความผิดที่จำเลยกระทำมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป จึงให้จำคุก 50 ปี กับให้จำเลยใช้เงินคืนแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้เสียหาย จำนวน 986,275 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้คืนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาแก่ผู้เสียหาย หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 49,969 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 23 พ.ค. 50 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้นำเงินที่ชำระมาแล้วจำนวน 72,000 บาท ไปหักค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระก่อน หากเหลือให้นำไปหักชำระต้นเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 พิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลพิพากษาโดยชอบแล้ว มีคำสั่งไม่อุทธรณ์ ส่งสำนวนคดีอาญามาให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณา
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณา เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 63 มีมติเห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามความเห็นของพนักงานอัยการ