“ข่าวลึก ปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563 ตอน ปฏิวัติ/รัฐประหาร ล้าหลัง ไม่ใช่คำตอบที่คนต้องการ
นับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 19 กันยายน ขบวนการม็อบปลดแอก จะเร่งเครื่องหาหาประเด็นเรางเร้าสถานการณ์ เปิดเกมรุกโจมตีรัฐบาลและพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกแขก
ทำพิธีโหมโรม ให้วันครบรอบรัฐประหาร 19 กันยายนปีนี้ ที่จะมีการจัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นแฟลชม็อบที่ยิ่งใหญ่อลังการ
โดยที่แกนนำม็อบประเมินล่วงหน้า จะมากันล้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวนน่าจะได้ในระดับเรือนแสน ซึ่งเริ่มมีการฉายหนังตัวอย่าง ที่บอกเป็นนัยว่า จะมีเนื้อหาดุดัน เรียกว่ารับประกันความมันส์ ว่าการปราศรัยจะแรงกว่าแฟลชม็อยทุกครั้งที่ผ่านมา
หนึ่งในอีเวนต์เรียกแขกนำร่องก่อนวันชุมนุมใหญ่ คือ กรณีกลุ่มนักเรียนที่เรียกตัวเองว่า “นักเรียนเลว” ขนม็อบ ไปท้าดีเบต ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ
ขอให้หยุดคุกคาม เร่งปฏิรูปการศึกษา ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ 5 กันยายน เนื้อหาสาระมีบ้างพอเป็นพิธี แต่หลักๆ ดูแล้วไปฉีกหน้า และมาไล่ ณัฏฐพล ให้พ้นเก้าอี้เสมา 1
หลายคนอาจสะใจที่ ณัฏฐพล อดีตแกนนำม็อบนกหวีด ที่แต่ก่อนเที่ยวเดินเป่าไล่ขั้วตรงข้าม มาวันนี้กำลังถูกกรรมตามสนอง โดนเด็กถอนหงอก
แต่ในอีกมุมหนึ่ง คนดูที่เป็นกลางจะมองว่า ม็อบนักเรียนเลวเริ่มออกนอกเนื้อหามาสู่มิติทางการเมือง มาเป็นการไล่ล่า ตั้งเป้าเอามันส์ที่ได้เอาคืนอดีตแกนนำ กปปส.
ภาพม็อบนักเรียนเลว จึงดูไม่ค่อยสวย ยิ่งการที่มีนักเรียน หรือเด็กโข่ง เข้ามาในวันชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น ช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า หรือ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปนั่งให้กำลังใจ
อาจจะดูเป็นการมาดูแล มาเป็นพี่เลี้ยงเยาวชน แต่อีกมุมหนึ่งมันเป็นการทำให้ม็อบที่ดูบริสุทธิ์ ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง
ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกียร์ว่าง ไม่เอาเรือไปขวางตอนน้ำเชี่ยว ปล่อยให้เยาวชนแสดงออกกันอย่างเต็มที่ ไล่บี้เฉพาะแกนนำที่เลยเถิด เจอแบบนี้ทำให้ม็อบเริ่มต้องขยับตัวเดินแผนการไล่ล่า ซึ่งจุดนี้จะทำให้ม็อบดูก้าวร้าวมากขึ้น
ซึ่งเป็นดาบสองคม เพราะจะมีมวลชนอีกส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมและท่าที เป็นการลดแนวร่วมทางอ้อม
ในเวลานี้ มีข่าวลือ จะมีการปฏิวัติรัฐประหาร ที่อาจเกิดขึ้นตัดเหตุการณ์ขุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ หรืออาจจะปิดล้อมปราบปรามเหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษาในวันชุมนุมที่19 กันยายน เหมือนเหตุโศกนาฏกรรม 6 ตุลาคม 2519
สำหรับการปฏิวัติ ความจริงไม่มีใครรู้แน่ มีแต่คนสันนิษฐานคาดการณ์กันเองทั้งสิ้น พอเห็นอะไรเคลื่อนไหวออกมาจากกองทัพกับตำรวจ ก็เอามาจับโยงเป็นตุเป็นตะ ทันที แม้แต่ใบไม้ไหวก็ทึกทักว่ากลิ่นปฏิวัติโชยมาแล้ว
สิ่งที่นำมาอ้าง สัญญานปฏิวัติมาแล้ว คือมีการเอาคำสั่ง ตำรวจ นครบาล ที่ให้มีการเตรียมความพร้อม ก็เอามาส่งกันว่าปฏิวัติแน่ล้านเปอร์เซ็นต์ หรือการอ้างการเคลื่อนไหวย้ายกำลังทหารบก กลับจากการฝึกซ้อม ก็ปล่อยข่าวเป็นการเตรียมกำลังทหารเข้ากรุงเทพเพื่อยึดอำนาจ
โดยเรื่องนี้ ความจริงมีว่า ทบ.เคลื่อนกำลังทหาร และยุทโธปกรณ์ กลับจากการฝึก RDF หรือ ฝึกภาคสนามของหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วกองทัพบก ประจำปี 2563 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ตั้งแต่ 29 สิงหาคม ที่ สนามฝึกทางยุทธวิธี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมากลับ กทม.8-9 ก.ย. 63 นี้
จบจากการฝึก “หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว ทบ.” จาก สนามฝึกทางยุทธวิธี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กลับที่ตั้งหน่วยทหารใน กทม. เชียงใหม่ พิษณุโลก อุบล ร้อยเอ็ด กาญจนบุรี ลพบุรี เรื่องทหารย้ายกำลังก็มีแค่นี้
การปล่อยข่าวปฏิวัติรัฐประหาร มักจะมากับสถานการณ์การชุมนุมประท้วงรัฐบาลทุกครั้ง ในครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักหน่อย เนื่องจากสองฝ่ายช่วยกันโหมกระพือข่าว เพราะต่างฝาายต่างคิดเอาประโยชน์จากข่าวปฏิวัติ
ถ้าข่าวลือปฏิวัติน่าเชื่อถือ การชุมนุมในธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก็จะกร่อยไปเพราะคนกลัว นี่เป็นประโยชน์ที่ได้กับฝ่ายรัฐบาล แต่ถ้าข่าวปฏิวัติยิ่งลือก็ยิ่งเข้าไปปลุกเร้าให้คนออกมาปกป้องเด็ก นี่ก็เป็นผลดีกับกลุ่มประชาชนปลดแอก
หากวิเคราะห์จากสภาพการณ์ขณะนี้ สถานการณ์ยังไม่มีเงื่อนไขที่ทหารจะปฏิวัติ เพราะการชุมนุมยังอยู่ในกรอบ เงื่อนไขที่ล่อแหลมคือการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ก็มีการห้ามปราบกันเองในกลุ่มประชาชนปลดแอกแล้ว จะมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังพูดเรื่องนี้ ซึ่งต้องเอากฎหมายมาจัดการกันต่อไปได้
และทางออกของปัญหาชุมนุมของเหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนปลดแอกยังมีทางอื่นอีกหลายช่องทางที่จะยุติปัญหาได้ เช่นที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของกลุ่มชุมนุม ซึ่งทุกฝ่ายขานรับแล้ว
ดังนั้น ทางที่จะคลี่คลายสถานการณ์ บ้านเมืองให้กลับมาเป็นปกติ ไม่ใช่การยึดอำนาจ หากการยึดอำนาจเกิดขึ้นจริงตามข่าวลือ แม้ว่าทำสำเร็จแต่จะเป็นการนำบ้านเมืองไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะแม้ยึดอำนาจได้แต่จะปกครองไม่ได้
ทางที่จะขจัดปัญหาได้ คือรัฐบาลจะต้อง เอาแอกออกไปจากการกดทับประชาชนออกไป เพราะขณะนี้ ต้องยอมรับว่า ความเหลื่อมล้ำทุกด้านครอบงำสังคมไทยอย่างหนัก กดขี่จนประขาชนโวหัวไม่ได้ และระบบอุปถัมภ์ที่สร้างความอยุติธรรม ก็แผลงฤทธิ์รุนแรงในยุคนี้
ประชาชนต้องการ การแก้ไขปัญหาที่ถูกทาง ถูกวิธี ไม่ใช่การยึดอำนาจแล้วปกครองแบบเผด็จการ การปฏิวัติรัฐประหาร ล้าหลัง ไม่ใช่คำตอบที่คนต้องการ!?