xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ยื่นหนังสือ “อรรถพล ใหญ่สว่าง” หนุนตั้ง กก.สอบวินัยคดีสั่งไม่ฟ้อง “บอส-วรยุทธ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. ยื่นหนังสือถึงนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)
“รสนายื่นหนังสืออรรถพล ประธาน ก.อ. หนุนตั้ง กก.สอบวินัยรอง อสส.สั่งไม่ฟ้องบอส-วรยุทธ” ยันทำหน้าที่รักษาชื่อเสียงขององค์กร

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ห้องรับรองประธานคณะกรรมการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. และ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม เอ็นจีโอด้านสิทธิผู้บริโภค เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง

น.ส.รสนาเปิดเผยว่า จากที่ท่านอรรถพลได้ออกหนังสือบันทึกข้อความ 6 ข้อ ตนเห็นด้วย เดิมอัยการสั่งฟ้องและออกหมายจับถูกต้อง การที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลับคำสั่งเป็นประเด็นที่ไม่ถูกต้อง ด้วยความจริงปรากฏว่ากรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำกระบวนการเปลี่ยนข้อเท็จจริง เหมือนทำสำนวนส่งเข้ามาโดยไม่มีอำนาจ สร้างพยานหลักฐานความเร็วรถจากเรื่องขอความเป็นธรรม ซึ่ง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด รับฟังพิจารณาแล้วไม่หักล้างข้อเท็จจริงที่ออกหมายจับไปแล้ว เมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีกในยุคนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อดีตอัยการสูงสุด ก็มีจดหมายยืนยันไปยัง สนช.ว่าไม่สามารถหักล้างข้อเท็จจริงได้

น.ส.รสนากล่าวอีกว่า การที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลับคำสั่งเป็นไม่ฟ้อง ขณะที่เป็นอธิบดีอัยการ เป็นการตัดตอนคดีให้ไม่ถึงศาล จึงขอให้ประธาน ก.อ.ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย หลังจากที่การตั้งคณะกรรมการสอบดุลพินิจไม่ผ่าน แต่การสอบวินัยสามารถทำได้ ถ้าหากคดีถูกตัดตอนได้จากคนที่ร่ำรวย ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม หวังว่า ก.อ.คนอื่นจะไม่โหวตล้มอีก ถ้าล้มจะหาช่องทางฟ้องข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อไป

ด้านนายอรรถพลกล่าวว่า ตอนนี้ระเบียบในการสอบวินัยข้าราชการอัยการระดับรองอัยการสูงสุดได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาแล้ว ตนในฐานะประธาน ก.อ.ได้ลงนามเพื่อรอประกาศราชกิจจานุเบกษาในขณะนี้ หากประกาศราชกิจจาฯ แล้วก็สามารถที่จะตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้นได้ โดยอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้นนี้ ถ้าผลการสอบปรากฏว่าการสั่งคดีของนายเนตร นาคสุข ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้ว เรื่องก็จบ แต่ถ้าผลสอบออกมาไปเข้าข่ายกรณีการกระทำผิดวินัยก็จะต้องดูต่อว่าเป็นวินัยอย่างไร เป็นวินัยร้ายแรงหรือไม่ โทษจะแตกต่างกัน บอกได้เลยว่าตอนนี้ไม่ต้องห่วงถ้ามีการประกาศราชกิจจาฯ ซึ่งเราทำหนังสือส่งด่วนที่สุดแล้ว มีการตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้นแบบเต็มรูปแบบ และสามารถพิจารณาได้ทุกเรื่อง ถ้าระเบียบฯ ดังกล่าวประกาศทันวันที่ 9 ก.ย. 2563 ซึ่งเป็นวันประชุม ก.อ.ก็สามารถให้ดำเนินการสอบสวนชั้นต้นได้ทันที โดยการสอบสวนเราต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย จะต้องแจ้งรายละเอียดให้ผู้ถูกสอบทราบว่าจะสอบสวนเรื่องใด และผู้ถูกสอบสามารถนำพยานหลักฐานมาหักล้างได้เช่นเดียวกันกับการดำเนินคดีในศาล หรือของพนักงานสอบสวน

แต่ถ้านายเนตรยื่นหนังสือลาออก หากยังไม่ได้มีการตั้งสอบวินัยจะทำให้ไม่สามารถตั้งสอบวินัยได้อีก แต่ข้อเท็จจริงทราบว่าทางอัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่ได้เซ็นอนุญาตลาออก ซึ่งตามกฎหมาย อัยการสูงสุดสามารถยับยั้งการลาออกได้เป็นเวลา 3 เดือน

นายอรรถพลกล่าวว่า หลังจากรับหนังสือจากในวันนี้แล้วตนจะดูรายละเอียดหนังสือที่ได้รับเข้ามาในฐานะประธาน ก.อ.ถ้าดูแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของอัยการก็จะส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการอัยการเพื่อพิจารณาเรื่องนี้

ส่วนเรื่องการยืนยันความเห็นที่เคยกล่าวว่าการสั่งฟ้องคดีนายวรยุทธยังมีผลอยู่เนื่องจากคำสั่งกลับไม่ฟ้องของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดไม่ชอบนั้น ตนในฐานะประธาน ก.อ.เคยออกความเห็นข้อกฎหมายดังกล่าวไปก็ถูกโจมตีว่าชี้นำ ตอนนี้ขั้นตอนถึงที่เรากำลังจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นเเล้ว หากตนออกความเห็นขึ้นมาอีกจะถูกกล่าวหาว่าชี้นำ จึงยังไม่ขอออกความเห็นตรงนี้ แต่หากกรรมการสอบชั้นต้นสอบเสร็จและเข้าที่ประชุม ก.อ.หลังจากนั้นตนจะตอบได้ทุกเรื่อง

“เรื่องนี้เหมือนไกลตัว แต่ความเป็นธรรมอาญา เราต้องดูสังคม ถ้าสาธารณะหรือสังคมกระทบกระเทือน ทุกคนก็กระทบกระเทือนหมด จะพยายามใช้ความรู้ความสามารถเต็มที่ แต่ที่ผ่านมาพอเปิดเผยว่าจะทำอะไรถูกข้อครหาว่าชี้นำ แต่จะดูให้เกิดความเป็นธรรมแม้กระทั่งการดำเนินคดีนี้ในอนาคต” นายอรรถพลระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น