ศาลอุทธรณ์พิพากษา จำคุก 10 ปี 4 ผู้บริหาร ม.สันติภาพโลก ฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่มีใบอนุญาต แต่พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง 5 ราย
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก หมายเลขดำที่ อ.3414/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข อดีตอธิการบดีผู้ก่อตั้ง WPU ที่เชียงใหม่ (ตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.) จำเลยที่ 1, นายศุภณัฐ ดอนจันทร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสาขา 2 (WPU 2) และอดีตนายทะเบียนมหาวิทยาลัย (ตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ดร.) จำเลยที่ 2, นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ อดีตนายกสภามหาวิทยาลัย WPU (ตำแหน่งทางวิชาการ ศาสตราจารย์ ดร.) จำเลยที่ 3, นางวรางคณา เผ่าวงศา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ใน จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ช่วยนายสวัสดิ์ ดูแลเรื่องการเงิน จำเลยที่ 4
นายมาณพ ภาษิตวิไลธรรม อดีตกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย (ตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.) จำเลยที่ 5, นายนาวิน พรมใจสา อดีตนายทะเบียนมหาวิทยาลัยคนที่ 2 (ตำแหน่งทางวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.) จำเลยที่ 6, นายศุภชัย ขจรศิริภักดี อดีตอธก.WPU สาขานนทบุรี (ตำแหน่งทางวิชาการ ดร.) จำเลยที่ 7, นายนิยม ป้องคำสิงห์ อดีตอธก.WPU สาขาภาคตะวันเฉียงเหนือตอนล่างและประธานฝ่ายนิติกร WPU จำเลยที่ 8 และนางวัชราพร ป้องคำสิงห์ เป็นผู้ช่วยนายนิยมและดูแลการเงินมหาวิทยาลัยสาขาใน จ.ขอนแก่น จำเลยที่ 9 ในความผิดฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ชอบ ตามความผิด พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2526, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14
คำฟ้องของอัยการโจทก์ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2560 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 3 พ.ย. 2555 - 21 ก.ค. 2556 จำเลยทั้ง 9 คน ร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ชื่อ “มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก” (อาคารที่ตั้งเลขที่ 19 ถ.เทพฤทธิ์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกดังกล่าวเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกต้อง สามารถจัดการศึกษา การเรียนการสอนโดยบุคลากรที่มีคุณวุฒิ และได้รับการจัดตั้งโดยถูกต้องสามารถมอบใบปริญญาระดับต่างๆ และปริญญากิตติมศักดิ์ได้ มีสิทธิเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งข้อความดังกล่าวยังได้ถูกนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์บนเว็บไซต์ www.wpucm.com กับบล็อกของมหาวิทยาลัย wpubkk.blogspot.com และ www.wpu15.com ซึ่งข้อมูลเป็นเท็จนั้นบิดเบือนว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเป็นมหาวิทยาลัยมีการจดทะเบียนที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ 506 ปาร์กไซต์เพลส อินเดียฮาเบอร์บีช รัฐฟลอริดา ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นจริงตามที่อ้าง
โดยการอ้างว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ขึ้นกับ สกอ. มีสิทธิเข้ามหาวิทยาลัยอื่น และเผยแพร่กิจกรรมต่างๆ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเชื่อถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ก็เป็นการร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยการทำให้ปรากฏต่อประชาชนทั่วไป หรือบุคคลตั้งแต่ 10 คนในลักษณะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จด้วย ซึ่งความจริงแล้วมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่ได้จัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สามารถมอบปริญญาโทหรือปริญญากิตติมศักดิ์ได้ เหตุเกิดที่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่, อ.เมืองฯ จ.เชียงราย, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี, จ.ลำพูน, จ.ขอนแก่น และ กทม.
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2562 พิพากษารวมโทษทุกกระทงความผิดของจำเลยทั้งหมดแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (1) ให้จำคุกได้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี จึงให้จำคุกจำเลยทั้งเก้าได้คนละ 10 ปี และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกับผู้ได้รับใบปริญญา ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่ละรายตามจำนวนของแต่ละคนด้วย โดยหลังพิพากษา พวกจำเลยได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์คนละ1 ล้านบาท ยกเว้นจำเลยที่ 7-9 ที่ไม่ยื่นประกัน
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว กรณีจำเลยที่ 5-6 มาร่วมรับปริญญาในภายหลังตามที่ได้รับเชิญจาก ม.สันติภาพโลก โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งและทำข้อมูลเกี่ยวกับ ม.สันติภาพโลก เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ทั้งไม่ปรากฏจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่าจำเลยที่ 5-6 มีส่วนในการชักชวนผู้เสียหายให้มารับปริญญาดังกล่าว จำเลยที่ 5-6 ปฏิเสธว่ามิได้ลงลายมือชื่อในใบปริญญาของ ม.สันติภาพโลก และมีการแจ้งความดำเนินคดีผู้ปลอมลายมือชื่อจำเลยที่ 5-6 พยานหลักฐานยังมีข้อสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์ความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 5-6
ส่วนกรณีจำเลยที่ 7-9 ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 7-9 ทราบเรื่องที่ ม.สันติภาพโลก ไม่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้อง และไม่สามารถมอบปริญญากิตติมศักดิ์ได้ จะถือว่าจำเลยที่ 7-9 ทราบข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงหาไม่ได้ จำเลยที่ 7-8 ถูกจำเลยที่ 1 กับพวกหลอกลวงให้ไปรับปริญญากิตติมศักดิ์และแต่งตั้งให้มีตำแหน่ง แต่อำนาจในการพิจารณาว่าจะให้ผู้ใดเข้ารับปริญญาขึ้นอยู่กับจำเลยที่ 1 เมื่อได้รับอนุมัติและผู้เสียหายโอนเงินค่าใช้จ่ายในการรับปริญญาให้แก่จำเลยที่ 7-8 ผ่านบัญชีจำเลยที่ 9 จะมีการโอนเงินต่อไปให้จำเลยที่ 4 จากพยานหลักฐานยังมีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 7-9 กระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ให้ยกประโยชน์ความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 7-9
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยบางส่วน อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-4 ฟังไม่ขึ้น อุทธรณ์ของจำเลยที่ 5-9 ฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5-9 นอกจากที่แก้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 10 ปี)