สน.บางเขน คุมตัวพ่อเลี้ยงและแม่เด็กชายอายุ 4 ขวบ สอบปากคำ หลังจากพ่อของเด็กเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายลูกชายซี่โครงหัก เลือดคั่งในสมอง มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง ด้านพ่อเลี้ยงให้การยอมรับลงมือทำร้ายร่างกายเด็กจริง อ้างเด็กชายอุจจาระใส่ที่นอน และนั่งเล่นอุจจาระตัวเอง
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ร.ต.อ.ธีระ หล้านามวงษ์ รองสว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งความจาก นายเอก (นามสมมติ) อายุ 23 ปี พ่อของเด็กชายวัย 4 ขวบ หลังทราบว่าลูกชายของตนถูกทำร้ายร่างกายจนอาการสาหัส มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะอาการเลือดคั่งในสมอง อยู่ระหว่างการรักษาในห้องฉุกเฉิน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน เพื่อขอให้ติดตามตัวอดีตภรรยาและสามีใหม่ หรือพ่อเลี้ยง มาดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายลูกชายบาดเจ็บสาหัส
นายเอก เปิดเผยว่า เลิกรากับอดีตภรรยาไปได้ 2 ปี โดยลูกชายไปอยู่ในการดูแลของอดีตภรรยา ที่ผ่านมา ไม่เคยติดต่อกัน กระทั่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา อดีตภรรยาโทรศัพท์มาขอเงินประมาณ 1 แสน 3 หมื่นบาท บอกว่า เป็นค่าผ่าตัดลูกชายที่ประสบอุบัติเหตุหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ตนก็ได้พยายามสอบถามอาการและขอเข้าไปเยี่ยมลูก แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จึงพยายามสืบค้นด้วยตนเอง จนไปพบลูกชายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพล ซึ่งแพทย์ระบุว่า มีบาดแผลหลายแห่งน่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย โดยมีอาการซี่โครงหัก 2 ซีก ไหปลาร้าหัก ตามตัวและใบหน้ามีบาดแผลใหม่และเก่ารวมกว่า 20 แห่ง จากนั้นก็ได้ไปคาดคั้นกับอดีตภรรยาแต่ก็อ้างว่าไม่ได้เป็นคนทำ คนที่ลงมือเป็นตาของเด็ก แต่เมื่อไปสอบถามยาย พบความจริงว่าอดีตภรรยามาขอรับเด็กไปดูแลตั้งแต่เดือนที่แล้ว จึงเชื่อว่าเป็นฝีมือของทั้งสองคน
ขณะที่ฝ่ายสืบสวนได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย คือ พ่อเลี้ยงและแม่ เด็ก 4 ขวบ มาสอบปากคำ เบื้องต้น พ่อเลี้ยงให้การยอมรับว่าได้ลงมือทำร้ายร่างกายเด็กชายอายุ 4 ขวบจริง ภายในห้องเช่าย่านนวลจันทร์ โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เด็กชายอุจจาระใส่ที่นอน และนั่งเล่นอุจจาระตัวเอง ด้วยความโมโห จึงใช้สายยางฟาดเข้าตามลำตัวหลายครั้ง แต่อาการที่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ ยืนยันว่า ไม่ได้ลงมือทำ
ทั้งนี้ พ่อเลี้ยงยังให้การยอมรับกับ นายกฤษณ์ ทรงฤทธิ์ ซึ่งเป็นตาของเด็ก ตามที่ให้การกับตำรวจ แต่ นายกฤษณ์ ไม่เชื่อคำรับสารภาพทั้งหมด เพราะทราบว่า ที่ผ่านมา ลูกสาวมักมีพฤติกรรมทะเลาะกับสามีเป็นประจำ ทั้งสามีเก่าและใหม่ อีกทั้งครั้งสุดท้ายที่เห็นหลานชายประมาณ 1 เดือนก่อน ก็ไม่เห็นมีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงอาการเศร้าซึมเท่านั้น
เบื้องต้นตำรวจไม่สามารถพาตัวผู้ต้องสงสัย คือ พ่อเลี้ยงและแม่ ไป สน.โคกคราม ท้องที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากเพื่อนและญาติของพ่อเด็ก ต่างเดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาที่ สน.บางเขน อีกทั้งฝ่ายหญิงพึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน หากพาตัวไปแล้วมีเหตุการณ์เข้ารุมประชาทัณฑ์ อาจทำให้หญิงสาวแท้งลูกได้ จึงต้องคุมตัวไว้ที่โรงพักก่อน เพื่อสอบปากคำต่อไป
ต่อมาเวลา 03.15 น. ทางตำรวจ สน.บางเขน ตัดสินใจพูดคุยกับคนที่มาล้อม สน. ก่อนจะพาผู้ต้องหาทั้งสองเดินออกที่ด้านหลัง สน.พาขึ้นรถไป สน.โคกคราม ท้องที่เกิดเหตุเพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป