“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563 ตอน ข้อมูลใหม่ คดี "บอส เรดบูล" ทะลักส่อรื้อฟื้นคดีภาค 2
คดีนายวรยุทธ์ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังเรดบูล ขับรถชนดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียขีวิตอนาถกลางถนน เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟัองข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผลการจบคดีแบบนี้ สร้างความขมขื่นใจให้ประชาชนคนไทย
สังคมมีกระแสเรียกร้อง ให้มีการเปิดเผย ชี้แจง หลักฐาน พยาน และการใช้ดุลพินิจของอัยการว่าชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ ขณะนี้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เด้งรับไปแล้ว ถ้าขืนปัดความรับผิดชอบ อาจจะทำให้สะเทือนรัฐบาลได้
ด้วยการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย โดยมีศ. พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธาน ให้อำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนี้ โดยมีเวลาสรุปผลภายใน30 วัน และให้รายงานนายกรัฐมนตรีทุก10 วัน ถือเป็นความหวังที่จะเคลียร์คดีนี้ให้เห็นดำเห็นแดงได้
นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังมีคำสั่งด่วนให้อายัดศพ นาย จารุชาติ มาดทอง ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีบอส อยู่วิทยา ได้เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม
เรื่องนี้สังคมสงสัยกันมากว่า นายจารุชาติอาจถูกเก็บ ก่อนที่จะถูกเรียกตัวมาสอบใหม่ เพราะกลัวจะพลิกลิ้น เพื่อเอาตัวรอด เลยถูกทำให้พูดไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้
ทำให้คดีนายบอส ยิ่งเพิ่มความระทึกและดีกรีความน่าสนใจมากขึ้น หลังการตายของนายจารุชาติ เพราะผู้ตายเป็นพยานปากสำคัญที่เข้าให้การประโยชน์ต่อนายบอส โดยอ้างว่าเป็นคนขับรถตามหลังนายบอสในเวลาเกิดเหตุ
จารุชาติ ให้การในฐานะประจักษ์พยาน ว่า เห็นนายบอสขับรถยนต์เฟอร์รารี่ มาด้วยความเร็วไม่เกิน80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเห็นดาบวิเชียร ขับมอเตอร์ไซค์ตำรวจปาดหน้า ตัดจากเลนซ้ายมาเลนขวาสุด เป็นเหตุให้รถดาบวิเชียรโดนชน
นายจารุชาติ เป็นหนึ่งในสองที่อ้างตัวรู้เห็นเหตุการณ์ ส่วนอีกคนเป็นทหารอากาศ คือพล. อ. ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ก็ให้การประเด็นเดียวกัน โดยพยานรายนี้ถูกขุดคุ้ยแล้วพบว่า มีความใกล้ชิดกับครอบครัวอยู่วิทยา
นายจารุชาติก่อนตาย เป็นคนงานอยู่ในบ้านของอดีตส. ว. จังหวัดเชียงใหม่ และอดีตส. ว. คนนี้ก็มีความคุ้นเคยกับครอบครัวของนายบอส อยู่เช่นกัน ทั้งการเป็นหุ้นส่วนร้านอาหาร แบะได้รับเงินสนับสนุนจากค่ายเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลด้วยจำนวนเงิน10 ล้านบาท
จึงทำให้เห็นภาพความเชื่อมโยง ระหว่างพยานคือนายจารุชาติ กับเครือข่ายของครอบครัวอยู่วิทยาได้ อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการเจออุบัติเหตุตาย ของพยานรายนี้จึงอาจจะคิดได้ว่า เป็นการตายผิดธรรมชาติหรือไม่?
การชิงอายัดศพนายจารุชาติทันที เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของพลเอกประยุทธ์ ขืนปล่อยให้ลือสะพัดกันไป ก็จะทำให้สถานการณ์การสั่งไม่ฟ้องคดีนายบอส ยิ่งจะเลวร้ายลงไป สู้ผ่าศพ สืบจากศพให้พบความจริงย่อมดีที่สุด
เพราะ ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลบิ๊กตู่ ยังเป็นเป้า ถูกนินทา จากประเด็นที่ถูกโยงเข้าไปในคดี กับปมการรับเงินบริจาค300 ล้านบาทช่วยรัฐบาลในเรื่องโควิด-19 ของตระกูลเรดบูล ก่อนที่จะมีการสั่งไม่ฟ้องเพียงสองเดือนเศษ รัฐบาลย่อมมีความจำเป็นต้องเคลียร์ตัวเอง ในปมการตายของนายจารุชาติที่แทรกซ้อนขึ้นมา อย่างมีเงื่อนงำนี้ด้วย!
สำหรับการตรวจสอบการทำสำนวนคดีนายบอส อยู่วิทยาในชั้นสอบสวน ทั้งอัยการและตำรวจ กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ โดยมีประเด็นที่แหลมคมออกมา คือประเด็นที่ตำรวจตัดข้อหาเมาแล้วขับออกไป เป็นเมาหลังขับมาแทน
และถูกเพ่งเล็งไปที่เรื่องสารเสพติดคือโคเคนอยู่ในผู้ต้องหา แต่ตำรวจมั่วว่า เป็นสารโคเคนตกค้างจากการใช้ยาชารักษาฟัน ซึ่งก็ถูกสังคมจับผิดได้ เพราะทั่วโลกเบิกใช้ยาชาที่ทีส่วนผสมโคเคนมาเป็นเวลาตั้ง150 ปีแล้ว
แถมคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังแถต่อได้อีกว่า สารโคเคนที่พบในตัวนายบอส ไม่ใช่จากยาชา แต่เป็นสารลวงโคเคนที่มาจากยาปฏิชีวนะ แถกันจนหัวถลอก จริงๆ
ขณะเดียวกันในประเด็นที่พยานและตำรวจ ตลอดถึงอัยการได้ฟันธงว่า นายบอสขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็เป็นประเด็นให้ถูกแฉจนข้อมูลตำรวจกลายเป็นเรื่องแหกตาไปแล้ว
เพราะอย่างดร. ลอย ชุนพงษ์ทอง นักคณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ อุตส่าห์ทำคลิปหลายตอนพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ให้เห็นจะๆว่า นายบอสขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนดแน่นอน ความเร็วรถน่าจะเป็นที่177 กิโลเมตร/ชั่วโมง บวกลบไม่มาก
จากข้อมูลหลักฐานทั้งเรื่อง ยาเสพติด เมาแล้วขับ ไม่มช่เมาหลังขับ และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เริ่มมีข้อมูลใหม่ทะยอยมาแล้ว ที่น่าจะผลักดันเข้าไปสู่การรื้อคดีให้มีน้ำหนักมากขึ้น
แล้วยังมีประเด็นข้อกฎหมาย ที่ถือว่าเป็นปมปัญหาที่อาจจะต้องขบคิดกันต่อไป คือข้อเสนอจากนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โยนความเห็นโดยอ้างข้อกฎหมายว่า เรื่องนายบอสเมื่ออัยการสำนักงานอัยการอาญากรุงเทพใต้สั่งฟ้องแล้ว อัยการคณะอื่นจะมากลับคำสั่งไม่ได้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
คาดว่า คดีนี้อาจจะถูกรื้อมาพิจารณา แม้ว่ากฎหมายจะบอกว่าจบแล้ว เมื่ออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้ง แต่หากมีข้อมูลใหม่ ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะทำกันรอบใหม่ได้ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่กฎหมายเปิดช่องไว้
ภารกิจในการพลิกคดีย่อมอยู่ที่คณะกรรมการฯของ ซือแป๋ วิชา มหาคุณ อดีตผู้พิพากษา และอดีตกรรมการป. ป. ช. ที่ถือคติว่า “มือไม่มีแผล ไม่กลัวจับยาพิษ” จึงเป็นที่เชื่อได้ว่า งานนี้ไม่มีการลูบหน้าปะจมูกแน่ สุดท้ายคงจะมีคนเดือดร้อนกันเป็นแถว