MGR Online - “พ.ต.ท.กรวัชร์” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรม พร้อมสานต่อคดีค้างเก่า “บิลลี่หายตัว-รถหรูเลี่ยงภาษี” ส่วนคดีฟอกเงินประสาน ปปง.เอาผิดทั้งอาญาและยึดทรัพย์ ย้ำนโยบายทำเฉพาะคดีซับซ้อนเท่านั้น
วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เดินทางเข้าสักการะพระพุทธวิชัยอภัยมารนิราศ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำดีเอสไอ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง พร้อมเข้าเยี่ยมชม “ตู้ดีเอสไอ ปันสุข ปันน้ำใจ” หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 63
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า ภารกิจหลักของดีเอสไอตามนโยบายคำขวัญ คือ “เกียรติศักดิ์ เชี่ยวชาญ ซื่อสัตย์” โดยมุ่งเน้นคดีฟอกเงินเพราะข้อมูลจาก UNODC พบว่าขบวนการยาเสพติดในประเทศไทยมีเงินหมุนเวียนมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท โดยจะดำเนินคดีอาญา พร้อมประสานกับ ปปง.ดำเนินการทางแพ่งติดตามยึดทรัพย์ และคดีเลี่ยงภาษีเนื่องจากเกี่ยวข้อง ทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร, พ.ร.บ.สรรพากร และ พ.ร.บ.สรรพสามิต ถ้าการเก็บภาษีเหล่านี้ถูกต้องจะนำไปพัฒนาประเทศได้อย่างมากแต่ก็มีการเล็ดลอดบางส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งคดีรถยนต์หรูเลี่ยงภาษีพบว่าขณะนี้ยังมีการใช้ช่องทางผิดลักลอบเข้ามาอีก ส่วนคดีที่ได้ทำการสืบสวนมาแล้วนั้นพนักงานสอบสวนยังคงดำเนินการต่อเนื่อง กรณีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับเงินช่วยวิ่งเต้นคดีไม่เป็นความจริง หากพบการกระทำผิดก็สามารถแจ้งมาที่ตนเองได้โดยตรงเลยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า สำหรับคดีค้างเก่าที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ อย่างคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ซึ่งอัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องในบางข้อหากับผู้ต้องหา โดยขณะนี้คณะกรรมการดีเอสไอกำลังพิจารณาตามขั้นตอนและจะสรุปความเห็นส่งกลับไปยังอัยการอีกครั้ง ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานการตรวจหาสารพันธุกรรมผ่านระบบไมโทคอนเดรียเพราะมีความน่าเชื่อถือ และที่ผ่านนางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของบิลลี่ พยายามติดต่อตนเองสอบถามถึงความคืบหน้าในคดีมาตลอด แต่ขณะนั้นตนเองไม่มีอำนาจ เนื่องจากไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุติธรรม กระทั่งกลับมารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอแล้ว พร้อมที่จะสานต่อคดีให้เสร็จสิ้น โดยในวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) จะเดินทางไปให้กำลังใจนางพิณนภา หรือมึนอ ในฐานะเป็นผู้สูญเสียที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
“กรณีการจับบ่อน จ.ระยอง ชุดปฏิบัติการสืบสวนดีเอสไอ ร่วมจับกุมกับหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง เมื่อเสร็จภารกิจดังกล่าวก็ต้องยุติลง ขอยืนยันว่าดีเอสไอมีความชัดเจนในการทำงานเฉพาะคดีซับซ้อนดำเนินการกับคดีกลุ่มผู้มีอิทธิพล, คดีความเสียหายมูลค่าสูงเกิน 100 ล้านบาท และคดีระดับชาติ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายพระราชบัญญัติอุ้มหายแล้ว และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอยู่ โดยให้อำนาจการสอบสวนกับดีเอสไอเพียงหน่วยเดียว”