MGR Online - “พ.ต.ท.กรวัชร์” อธิบดีดีเอสไอ ให้กำลังใจ “มึนอ” เมียบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ขอเชื่อมั่นดีเอสไอทำเต็มที่ หากอัยการไม่สั่งฟ้องบางข้อหา ครอบครัวฟ้องร้องเองได้
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2561 โดยเป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ทางคดีมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นความเห็นแย้งนั้น
ล่าสุด วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลา 10.30 น. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ที่บ้านพักใน ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของดีเอสไอ และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า หลังรับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไออย่างเป็นทางการจึงเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ และแจ้งความคืบหน้าในคดีเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ น.ส.พิณนภา หรือมึนอ ซึ่งถือว่าเป็นพยานคุ้มครองในคดีดังกล่าว โดยช่วงตนเป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุติธรรม มึนอได้พยายามติดต่อมาถึงตนเองบ่อยครั้ง แต่ขณะนั้นไม่มีอำนาจโดยตรง หากเข้ามาทำคดีจะเป็นการทำผิดหน้าที่ตนเอง
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า วันนี้ตนกลับมาดูแลคดีและจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดที่อัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องบางข้อหากับผู้ต้องหา ซึ่งกระบวนการสอบสวนถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว และดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งผลการตรวจหาสารพันธุกรรมผ่านระบบไมโทคอนเดรีย หรือดีเอ็นเอ จากเศษกระดูกที่อัยการมองว่าหลักฐานไม่น่าเชื่อถือนั้นจะขอกลับไปพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง
“หลังจากนี้ดีเอสไอจะส่งความเห็นแย้งไปส่งยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด แต่หากไม่มีความเห็นแย้งก็จะสิ้นสุดที่ความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 แต่ผมเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ เลยยังไม่ได้ดูรายละเอียดในสำนวนคดี ขอพิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นแย้งในช่วงเวลาใด เพราะตามหลักกฎหมายไม่มีกรอบระยะเวลาที่จะทำความเห็นแย้ง อย่างไรก็ตาม ถ้าอัยการยืนยันที่จะดำเนินคดีเพียงข้อหาเดียว มึนอก็สามารถเป็นเจ้าทุกข์ฟ้องร้องในคดีเองได้เพราะถือเป็นสิทธิส่วนตัว”
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้ผ่าน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยรายละเอียดนั้นมีบางส่วนระบุให้ดีเอสไอดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียว ซึ่งหน่วยงานเราพร้อมทำงานเต็มที่เนื่องจากที่ผ่านมายังคงมีกรณีบุคคลที่สูญหายและยังหาสาเหตุไม่ได้ หรือไม่พบศพอยู่หลายคดี
ด้านนางมึนอกล่าวขอบคุณ และขอเป็นกำลังใจให้คณะทำงาน ทำให้ตนเองมีความมั่นใจกว่าที่ผ่านมา เชื่อว่าหลังจากนี้คดีความจะได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น