กองปราบฝากขัง-ค้านประกัน กลุ่ม “บันไรกัน เอฟซี” ค้าปืนเถื่อน รีวิวสินค้าผ่านโซเชียล เหตุโทษสูง ทำเป็นเครือข่าย เกรงจะหลบหนี ก่อนศาลให้ประกันคนละ 3 แสนบาท
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้คุมตัว นายปริญญา เอี่ยมละมัย อายุ 38 ปี, นายพัฒนะ การะเกตุ อายุ 37 ปี, นายเทพพร แก้วพระอินทร์ อายุ 31 ปี, นายสมยศ อยู่เจริญ อายุ 22 ปี, นายวรายุ กะลำพา อายุ 30 ปี, นายศรศักดิ์ นาระหัส อายุ 32 ปี, นายสิธร ศรีใส อายุ 27 ปี, นายวรวุฒิ พิมพ์สา อายุ 29 ปี และ นายธนพัฒน์ ค้องรัมย์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-9 แก๊งค้าปืนเถื่อนออนไลน์ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1-4 และ 6 รับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธ
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด ร่วมกันสร้างเพจ “บันไรกัน เอฟซี หรือ 7 ไก่จ๋ามาแว้ว” ทางช่องยูทูป ชาแนล และแอปพลิเคชันไลน์เพื่อจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อน เครื่องกระสุน และเครื่องระเบิด โดยมีแอดมินหลัก 5 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 1-4 และ 6 คอยดูแล โดย นายปริญญา ผู้ต้องหาที่ 1 จะมีหน้าที่รีวิว แนะนำ และสาธิตการใช้อาวุธปืนให้แก่สมาชิก และผู้สนใจ ส่วนแอดมินอื่นจะช่วยกันติดต่อดูแลการรับโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของลูกค้า ส่วน นายศรศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 6 มีหน้าที่ปล่อยกู้เงินและการผ่อนชำระเงินของลูกค้าเพื่อใช้ซื้อสินค้า โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะขายอาวุธปืนไม่มีทะเบียนหลากหลายชนิด อาทิ ปืนยาวอัดลมแบบบีบีกัน กระบอกละ 10,000 บาท, ปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำกล้อง กระบอกละ 7,500 บาท, ปืนไทยประดิษฐ์แบบลูกโม่ขนาด .32 และ .38 กระบอกละ 10,000 บาท, ปืนบาเร็ตต้า กระบอกละ 26,000-28,000 บาท และระเบิดที่ใช้ในสงคราม ลูกละ 5,000 บาท
ต่อมาตำรวจกองปราบปรามได้สืบสวนสอบสวน และติดต่อล่อซื้อสินค้าจากลุ่มผู้ต้องหา และขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา โดยชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมาน กองปราบปราม ได้ร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ ปืนไทยประดิษฐ์ไม่มีทะเบียนรวม 11 กระบอก สิ่งเทียมอาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ รวม 30 รายการ กระสุน 600 นัด ส่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันทำและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข้อหาร่วมกันมีและจำหน่ายอาวุธปืนให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืนและกระทำการเป็นอั้งยี่
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.- 1 ก.ค. 2563
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีมีการกระทำเป็นเครือข่าย หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้
ศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติของผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง
ศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยตีราคาประกันคนละ 3 แสนบาท