MGR Online - รอง ผบ.ตร.เผยปฏิบัติการทลายเครือข่ายฟอกเงิน ขบวนการค้านรกรายใหญ่ ตรวจค้นจับกุมเจ้าของร้านทอง-ธุรกิจน้ำมัน รวมกว่า 300 ราย พันฟอกเงินผ่านธุรกิจ มูลค่ากว่าเเสนล้าน
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เปิดเผยถึงกรณีตำรวจปราบปรามยาเสพติด สนธิกำลังกับตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรภาค 8 เปิดปฏิบัติการบุกค้นร้านทองหลายแห่งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของขบวนการค้ายาเสพติด ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ 4 เครือข่าย โดยในจำนวนนี้มีเครือข่าย “ดาวเรือง” รวมอยู่ด้วย เนื่องจากพบว่าขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวใช้วิธีการฟอกเงินด้วยการนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีร้านทอง เพื่อซื้อทองคำแท่ง ทั้งนี้ พบว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดดาวเรืองฟอกเงินที่ร้านทองย่านวังบูรพา จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีของร้านที่รับโอนจากเครือข่ายยาเสพติดหลายร้อยราย สูงถึงหลักพันล้านบาท
“ขณะเดียวกัน พบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายอื่นในภาพรวมทั่วประเทศ ฟอกเงินด้วยการซื้อทองคำแท่ง ซื้อขายน้ำมัน และธุรกิจการส่งออกสินค้าหลากหลายประเภท เมื่อส่งออกไปก็จะมีการส่งสินค้ากลับเข้ามาในรูปแบบสินค้าอื่นๆ มูลค่าในการฟอกเงินครั้งนี้กว่าแสนล้านบาท การปฏิบัติการในครั้งนี้มีการหมายจับ 400 หมายจับ สามารถจับกุมได้กว่า 300 หมายจับ ซึ่งมีทั้งเจ้าของร้านทอง กว่า 10 หมายจับ เจ้าของธุรกิจน้ำมัน และผู้รับเปิดบัญชีรับโอนเงิน และกดเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ พร้อมทั้งขยายผลไปยังผู้บงการต่อไป” รอง ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับขบวนการค้ายาเสพติด “ดาวเรือง” เป็นขบวนการที่ค้าทั้งยาไอซ์ และยาบ้า จากข้อมูลพบว่า ทำมาซักระยะแล้ว ซึ่งตำรวจปราบปรามยาเสพติดมีข้อมูลอยู่แล้ว นอกจากนี้ พบว่า ผู้บงการของเครือข่ายนี้ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศ และพบว่า มีบางส่วนสั่งการมาจากในเรือนจำ ซึ่งมีการประสานกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาตลอด นอกจากนี้ ขยายผลยังพบร้านทองอีกหลายแห่งที่รับฟอกเงินจากเครือข่ายยาเสพติด เช่น ย่านเยาวราช 2-3 ร้าน จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม แม่สอด จ.ตาก และภาคใต้ ซึ่งจากการสอบปากคำเจ้าของร้านทองที่ถูกจับกุม บางส่วนรับสารภาพ บางส่วนให้การภาคเสธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. ประชุมหารือร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อวางแนวทางการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ ของ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) เพื่อหาความเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ และตรวจสอบให้แน่ชัดว่า นอกเหนือจากเงินที่ได้รับจากขบวนการยาเสพติดมาฟอกเงินนั้น ยังมีเงินผิดกฎหมายจากธุรกิจสีเทาอย่างอื่นอีกด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังได้เตรียมประสานขอความร่วมมือไปยังกรมสรรพากร เข้าตรวจสอบธุรกรรมการเงินผลประกอบการของบริษัทดังกล่าวย้อนหลังในช่วงหลายปี เพื่อดูว่าที่ผ่านมา มีการหลบเลี่ยงชำระภาษีการประกอบกิจการร้านทองตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ตามหลักพฤติกรรมศาสตร์การฟอกเงินของขบวนการยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน เดิมทีเมื่อได้เงินค่ายาเสพติดจากเอเยนต์ยาเสพติดในประเทศไทยแล้ว กลุ่มผู้ค้ายาข้ามชาติจะใช้วิธีลำเลียงเงินสดกลับไปยังพื้นที่ของตนเองผ่านทางช่องทางธรรมชาติ แต่เนื่องจากวิธีการขนย้ายเงินจำนวนมากข้ามประเทศนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ จึงเริ่มหันมาใช้วิธีการฟอกเงินแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินถูกกฎหมาย ในลักษณะของการลงทุน
โดยจากแนวทางสืบสวนพบว่า วิธีการฟอกเงินของขบวนการยาเสพติดในลักษณะการลงทุนนั้นจะมีด้วยกันประมาณ 4 ประเภท คือ 1. ลงทุนทำธุรกิจซื้อขายทองคำกับร้านทอง 2. การลงทุนซื้อขายน้ำมันข้ามประเทศ 3. การลงทุนธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และ 4. การลงทุนธุรกิจซื้อขายอุปกรณ์ทางการเกษตร